เอกชนโวยธุรกิจท่องเที่ยวถนนข้าวสารไตรมาส 3 เงียบ ผู้ประกอบการหวังมาตรการรัฐยกเว้นวีซ่า 21 ประเทศกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลับคืนมา
นายสง่า เรืองวัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัดดี้ กรุ๊ป และที่ปรึกษานายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวบริเวณถนนข้าวสารในไตรมาส 3 โดยเฉพาะในเดือน ก.ย.และ ต.ค. มีอัตราการเข้าพักโรงแรมย่านถนนข้าวสารลดลงอยู่ที่ 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 80% ทั้งที่ช่วงไตรมาสแรกและไตรมาส 2 ของปีนี้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเติบโตขึ้นราว 15-20%
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเข้าพักในไตรมาส 3 ลดลงเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศในยุโรปที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลต่อเนื่องถึงกำลังซื้อด้านการท่องเที่ยว จึงทำให้สัดส่วนนักท่องเที่ยวยุโรปหดหายไป รวมถึงประเด็นของความเชื่อมั่นหลังจากเกิดสถานการณ์เรือล่มที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวจีนเกิดความกังวลเรื่องของความปลอดภัย
ขณะที่ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาววันชาติจีน หรือโกลเด้นวีกที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนกลุ่มเอฟไอทีบนถนนข้าวสารก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน ตลอดจนสภาพอากาศฝนที่ตกหนักทำให้มีการยกเลิกการเดินทาง
อย่างไรก็ตาม จากการที่ภาครัฐได้เห็นชอบยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองสนามบิน หรือ วีซ่า ออน อาร์ไรวัล ให้กับ 21 ประเทศ ซึ่งรวมถึงจีนด้วย เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวในตลาดจีน ยุโรป และประเทศอื่นๆ กลับมาคึกคักในช่วงไตรมาส 4 นี้
ทั้งนี้ ล่าสุดมียอดจองห้องพักล่วงหน้าในช่วงนี้แล้วกว่า 50% ทำให้เชื่อมั่นว่าอัตราการเข้าพักในช่วงเดือน พ.ย. 2561-ม.ค. 2562 จะกลับมาคึกคักอยู่ที่ 90% ส่วนอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมย่านถนนข้าวสารทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 80% ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่ 90%
“การท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นนี้ คาดว่าจะมีสัดส่วนใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวบนถนนข้าวสารราว 3 แสนคน/เดือน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชีย เช่น เกาหลี จีน ยุโรป อังกฤษ เยอรมนี และสแกนดิเนเวีย ที่จะทยอยเดินทางเข้ามาเที่ยวต่อเนื่อง มีพฤติกรรมการใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000 บาท/คน/วัน (ไม่รวมค่าที่พัก)” นายสง่า กล่าว
นอกจากนี้ จากการที่ภาครัฐพยายามผลักดันและอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต หรือกฎหมาย ที่เปิดให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนใช้ชีวิตร่วมกันได้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มหลากหลายทางเพศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง โดยเชื่อว่าไทยจะกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญและเป็นจุดศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ ซึ่งช่วยสร้างเม็ดเงินและผลักดันให้สัดส่วนนักท่องเที่ยวโดยรวมเติบโตขึ้น