MONEY

โดย กองบรรณาธิการ M2F

16 กันยายน 2564 : 19:22 น.

เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดตัว ‘STT Bangkok 1’ ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 16 กันยายน นายศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) หรือ “STT GDC Thailand” ผู้นำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ ได้เปิดตัว “STT Bangkok 1” ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลแห่งแรกในกรุงเทพฯ ที่เปิดกว้างให้เชื่อมต่อแบบเสรี (carrier-neutral) และมาพร้อมกับมาตรฐานระดับโลก STT Bangkok 1 เป็นหนึ่งในสองอาคารของดาต้าเซ็นเตอร์แคมปัส STT Bangkok ซึ่งตั้งอยู่บนถนนหัวหมาก หนึ่งในย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ ตัวอาคารมีความสูง 7 ชั้น บนพื้นที่ทั้งหมด 30,000 ตารางเมตร และมีกำลังไฟพร้อมใช้สูงถึง 20 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจของลูกค้า หลังจากพัฒนาทั้งสองอาคารจนเสร็จสมบูรณ์ ดาต้าเซ็นเตอร์แคมปัสแห่งนี้จะมีกำลังไฟรวมถึง 40 เมกะวัตต์

สำหรับ การเปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์แคมปัส STT Bangkok ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทและเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศไทยด้วยอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลที่คาดการณ์ไว้ที่ 26.5%[1] เรามองเห็นความต้องการในบริการโคโลเคชั่นที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จากองค์กรและผู้ให้บริการคลาวด์ที่ต่างเร่งขยายขอบเขตการให้บริการของตัวเองเพื่อตอบรับความต้องการด้านดิจิทัลของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และด้วยศักยภาพที่เรามี เรามั่นใจว่าจะสามารถตอบรับความต้องการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น โดยเริ่มจากการปูรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อยกระดับให้ภาคธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมเติบโตอย่างมั่นใจเพื่ออนาคตดิจิทัลที่ชาญฉลาด รวมถึงสร้างความยั่งยืนทางด้านดิจิทัลอีกด้วย

นายศุภรัฒศ์ กล่าวว่า เป็นที่แน่ชัดว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เราจึงได้ตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อรองรับกระแสของเทคโนโลยีที่กำลังมาอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเพื่อสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่ง ซึ่งเรามีความพร้อมที่จะเติบโตอย่างมาก ทั้งนี้ เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ ได้พิสูจน์ถึงความสามารถในการสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถดำเนินงานและขยายธุรกิจให้เติบโตได้ในหลากหลายตลาดที่เราเคยให้บริการในภูมิภาคเอเชียที่อุตสาหกรรมมีความซับซ้อนและเติบโตอย่างรวดเร็ว

ด้านนายเคลเมนท์ โกฮ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ กล่าวว่า เพื่อส่งมอบบริการที่ตรงตามความคาดหวังของลูกค้า เรามีความยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าอยู่เสมอ รวมทั้งมีความสม่ำเสมอในการส่งมอบประสบการณ์และความเชี่ยวชาญให้กับลูกค้าในทุกๆ ตลาดที่เราได้เข้าไปให้บริการ จากการเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลที่พร้อมให้บริการที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และเปิดกว้างให้เชื่อมต่อแบบเป็นกลาง STT Bangkok 1 พร้อมที่จะส่งมอบบริการโคโลเคชั่นที่มีเอกลักษณ์และมีมาตรฐานระดับสูง ทั้งในด้านการออกแบบและการปฏิบัติการให้กับลูกค้าองค์กรในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทยที่คว้ามาตรฐานด้านการออกแบบระดับสากลจาก TIA, Uptime Institute และ LEED ซึ่ง STT Bangkok 1 นับเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลแห่งแรกของประเทศไทยที่คว้ามาตรฐานดาต้าเซ็นเตอร์จากทั้ง TIA-942 Certification Rated-3 และ Uptime Institute Tier III Certification ด้านการออกแบบและด้านการก่อสร้างจากสถาบัน The Telecommunications Industry Association (TIA) และ Uptime Institute ตามลำดับ ซึ่งเป็นองค์กรรับรองมาตรฐานดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก โดยมาตรฐาน TIA-942 จะครอบคลุมในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของระบบโทรคมนาคมและองค์ประกอบสำคัญของดาต้าเซ็นเตอร์ เช่น ทำเลที่ตั้ง การออกแบบสถาปัตยกรรม โครงสร้างอาคาร ระบบไฟฟ้า โครงสร้างระบบ ระบบป้องกันอัคคีภัย และความปลอดภัยทางกายภาพ เป็นต้น ส่วนมาตรฐาน Uptime Tier III ให้การรับรองว่า STT Bangkok 1 จะสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ในระหว่างการบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์

นอกจากนี้ STT Bangkok 1 ยังได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียว LEED®  (Leadership in Energy and Environmental Design) ระดับ Gold version 4 จากองค์กร U.S. Green Building Council (USGBC) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลที่ใช้ประเมินอาคารด้านการประหยัดพลังงานและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมาตรฐาน LEED Gold ช่วยสร้างความมั่นใจว่า ดาต้าเซ็นเตอร์ STT Bangkok 1 มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงในเรื่องการใช้ทรัพยากรน้ำ พลังงาน คุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร และการใช้วัสดุและทรัพยากร รวมถึงการบริหารจัดการสาธารณูปโภคและการคมนาคมที่มีผลต่อชุมชนที่ตั้งอยู่ สะท้อนถึงภารกิจสำคัญของ STT GDC ในการลดปริมาณการผลิตคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้เหลือศูนย์ภายในปี 2573

นายเคลเมนท์ กล่าวว่า สำคัญดาต้าเซ็นเตอร์ STT Bangkok 1 ยังออกแบบมาพร้อมกับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด ประกอบด้วย ระบบป้องกันภัยหลายชั้น (multi-layer security) การควบคุมการเข้าออก กล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงมาตรฐาน Threat and Vulnerability Risk Assessment (TVRA) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมของการปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยสูงสุด 

ในขณะเดียวกันดาต้าเซ็นเตอร์ STT Bangkok 1 ยังได้รับการรับรองมาตรฐานในด้านความปลอดภัยข้อมูลและการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วยมาตรฐาน ISO27001 และมาตรฐาน PCI-DSS (Payment Card Industry Data Security Standard) ซึ่งช่วยตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัท ในการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมในการเก็บข้อมูล เพื่อปกป้องข้อมูลที่มีค่าของลูกค้าจากการรั่วไหลทุกรูปแบบ รองรับด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจของลูกค้าให้มากที่สุด

ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกล

STT GDC พร้อมนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่มีมายาวนานสู่ตลาดประเทศไทย ผ่าน STT Bangkok 1 ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลที่ออกแบบมาพร้อมกับบริการโคโลเคชั่นที่มีความยืดหยุ่น และมีการเชื่อมต่อที่เป็นกลาง เปิดกว้างในการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการชั้นนำทุกค่ายภายในประเทศ โดยประสบการณ์ที่สั่งสมในการให้บริการในตลาดเอเชียและสหราชอาณาจักร ทำให้ STT GDC มีความเข้าใจในความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม และพร้อมส่งมอบบริการที่มีความยืดหยุ่น ตอบโจทย์ความต้องการในการขยายธุรกิจ มีโครงสร้างสัญญาที่ยืดหยุ่น อีกทั้งยังรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และที่สำคัญมาพร้อมคุณภาพระดับโลก

ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวทั้งหมด ผสานกับความเชี่ยวชาญและความเข้าใจในตลาดที่ STT GDC ให้บริการ ผลักดันให้บริษัทก้าวเข้ามายืนหยัดในตำแหน่งที่แข็งแกร่งในตลาด เพื่อตอบรับความต้องการในตลาดไฮเปอร์สเกล รวมถึงสนับสนุนธุรกิจและองค์กรในประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง 

ประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[2] โดยอุตสาหกรรมดิจิทัลของประเทศไทย คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 53,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 มีอัตราเติบโต 25% ในปี 2563[3] และคาดการณ์ว่า จะมีมูลค่าเท่ากับ 1 ใน 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศไทยในปี 2570[4] ในขณะเดียวกันในปี 2563 จำนวนผู้บริโภคในตลาดดิจิทัลได้เติบโตถึง 30% ส่วนตลาดอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตสูงถึง 81% ในช่วงระหว่างปี 2562-2563 ทั้งนี้ ดาต้าเซ็นเตอร์ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญของประเทศไทยในการเพิ่มขีดความสามารถและสนับสนุนให้องค์กรทั้งหลายสามารถส่งมอบบริการด้านดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ