ZTE เปิดวิสัยทัศน์ในงาน Mobile World Congress 2021 พร้อมยกระดับ'ดิจิทัลไลเซชั่น'ผลักดันสู่ 'อินเทลลิเจนท์'นำศักยภาพเทคโนโลยี 5G สร้างนิเวศน์เชิงธุรกิจ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกับพันธมิตรทั่วโลก
นายสี่ จื้อหยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าว ในงาน Mobile World Congress 2021 ว่า “ ปัจจุบัน เทคโนโลยี 5G มีความพร้อมในเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดยมีพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ZTE มีนโยบายในการผลักดันเชิงปฏิบัติร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมและระบบนิเวศน์อย่างจริงจังมากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งนี้ ได้กำหนดทิศทางนวัตกรรม 5G ได้สามประการ พร้อมกัสร้างรากฐานการใช้งานทางดิจิทัลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ทิศทางในการพัฒนานวัตกรรม 5G สามประการ คือ เพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคคล ด้วยเทคโนโลยี 5G, เสริมศักยภาพการเชื่อมช่องว่างทางดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยี 5G และ เสริมศักยภาพอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมการปฏิวัติอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยี 5G ในขณะเดียวกัน จะสร้างรากฐานการใช้งานทางดิจิทัลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อก้าวให้ประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด ในการใช้งานอย่างแพร่หลายของอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ที่ประมวลผลบรรจบกันหลายมิติ" และ "การประหยัดพลังงานสีเขียว" ทำให้มีปฏิสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งในแบบเรียลไทม์ เพื่อให้การใช้งาน 5G ได้อย่างคล่องตัว และกลายเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่มีประสิทธิภาพกลายเป็นทรัพยากรที่ได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
สำหรับ วิสัยทัศน์ "Fuel the Digitalization, Endow with Intelligence" ยกระดับ “ดิจิทัลไลเซชั่น” สู่ยุค อินเทลลิเจนท์ เป็นความหวังร่วมกับพันธมิตร เพื่อค้นหาหนทางสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและชาญฉลาดของสังคมมนุษย์ ด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมมนุษย์อย่างต่อเนื่อง อันเป็นรากฐานดิจิทัลที่สำคัญ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาหลังจากการนำมาสู่เทคโนโลยี 5G ขณะนี้มีสถานี 5G อยู่กว่า 1.1 ล้านสถานีขั้วโลก เทคโนโลยี 5G ไม่เพียงเสริมสร้างประสบการณ์ของผู้บริโภค แต่ได้ช่วยในการส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิตอล รายการปฏิรูปอย่างชาญฉลาดอยากก้าวกระโดด ที่คุณได้เห็นอยู่นี้คือศูนย์การผลิตเทคโนโลยี 5G ในหนานจิง ที่นี่สามารถผลิต 5 สถานี 5G ต่อ 1 นาที ซึ่งจะถูกส่งออกทั่วโลก สถานที่แห่งนี้ยังสามารถเป็นตัวบ่งบอกที่ดีในด้านการปฏิบัติแบบอัจฉริยะผ่านระบบ 5G โดยโรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้มีระบบเครือข่าย 5G และนำเทคโนโลยี MEC มาใช้
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วเราจะนำแอปพลิเคชั่น 5G ประมาณ 10 ตัวที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการผลิตอย่างอัจฉริยะเช่น แอปพลิเคชั่นที่ควบคุมการเคลื่อนที่ของรถขนถ่ายวัสดุอัตโนมัติผ่านทางระบบคลาวด์ (Cloud-Based Automated Guided Vehicles), กล้องตรวจจับสำหรับอุตสาหกรรมความละเอียด 8K, อุปกรณ์ควบคุมการทำงานของเครื่องจักร (Programmable Logic Control) ผ่านทางระบบคลาวด์, ระบบการจัดเก็บแบบอัจฉริยะ, เทคโนโลยีแบบสวมใส่สำหรับงานด้านอุตสาหกรรม, เทคโนโลยีการจำลองสินทรัพย์ทางกายภาพสู่สภาพดิจิตอล (Digital Twins) และ การตรวจสอบในสถานที่จริง. แล้วที่ท่านกำลังเห็นอยู่ขณะนี้เป็นตัวเลขที่น่าพอใจเลยทีเดียว โดยความต้องการทรัพยากรส่วนบุคคลลดลงถึง 40% อัตราส่วนการผลิตที่เสียหายลดลง 20% และระยะเวลาวงจรการผลิตถึง 30% ในขณะที่ประสิทธิผลในการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์
นายสี่ จื้อหยาง กล่าวว่า ในด้านการเพิ่มความเร็วของเครือข่าย การใช้เทคโนโลยี Segment Routing over IPv6 หรือ SRv6 จะช่วยให้เครือข่าย IP ยืดหยุ่นมากขึ้นและรองรับการโปรแกรมได้ด้วย Virtual Private Network (VPN) แบบ FlexE โดยการจัดแบ่งทรัพยากรระบบประมวลผล (Hard Slicing) ไม่ได้ต้องการความเร็วมาก มีความน่าเชื่อถือสูงและปลอดภัย นอกจากนี้แล้วเครือข่ายออปติกก้าวไปอีกขั้นของวิวัฒนาการ โดยได้เพิ่มความจุ ลดความหน่วง เพิ่มความซับซ้อน รองรับระบบ Cloud และสามารถปฏิบัติการได้ในสภาพที่ยืดหยุ่นและรวดเร็วขึ้น
"ZTE ขอใช้คำบัญญัติใหม่ คือ การรวมเครือข่าย Cloud (Cloud-Network Convergence) การรวมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ (Software-Hardware Convergence) การรวมปัญญาประดิษฐ์ (AI Convergence), อินโฟกราฟิก และความปลอดภัยที่อยู่ภายใน (Intrinsic Security)"นายสี่กล่าว
นอกจากนั้น การรวมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์จะช่วยส่งเสริมนำความสามารถของมาใช้ในการทำธุรกิจและบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งซอฟต์แวร์สนมเข้าสู่ระบบ Cloud การให้บริการแบบไมโคร และเป็นสัดส่วน ในขณะเดียวกันฮาร์ดแวร์เขาจะเน้นการนำประสิทธิภาพสูงสุด เราจะสามารถเบลอเส้นแยกระหว่าง 2 อย่างนี้โดยการดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพร่วมกันระดับโลกเพื่อการแก้สถานการณ์จำเพาะ ยกตัวอย่างเช่นกันรวมตัวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตนวัตกรรมชิปเล็ตของชิปคอมพิวเตอร์
หากพูดถึงปัญญาประดิษฐ์ มันจะต้องสามารถนำข้อมูลมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การรวบรวมการของปัญญาประดิษฐ์ที่อิงตามแบบจำลองของข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการฝึกอบรมรับรองการประสานงานข้ามโดเมนของระบบและโหนดต่างๆ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการประสานการทำงานจากศูนย์ข้อมูลไปจนถึง Interface วิทยุ จะช่วยให้การทำงานและการบำรุงรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยที่อยู่ภายใน (Intrinsic Security) จะเป็นระบบภูมิคุ้มกันสำหรับเครือข่ายที่สามารถรับรู้ด้วยตนเอง ปรับตัวระบบของมันเองและพัฒนาตัวเองได้นั่นเอง” นายสี่ จื้อหยาง กล่าวในที่สุด