กระทรวงเกษตรฯผนึกกำลังจุฬาฯเพิ่มศักยภาพการส่งออกสินค้าเกษตรด้วยเทคโนโลยีจุลินทรีย์และสมาร์ทแพ็กกิ้ง เพื่อยืดอายุผลไม้และสินค้าเกษตร
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนเทคโนโลยีเกษตร 4.0 และประธานคณะกรรมการบริหาร AIC(Agritech and Innovation Center) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ตนและคณะจะประชุมกับศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทีมวิจัยที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่องความร่วมมือด้านเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม ระหว่างกระทรวงเกษตรฯกับจุฬาฯ ซึ่งเป็นศูนย์ AIC ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลโดยเฉพาะ 4 โครงการที่จุฬาฯได้ทำการวิจัยและพัฒนา ได้แก่1.โครงการพัฒนาวัคซีนโควิดจากพืชโดยจะเริ่มผลิตวัคซีนโควิดได้ปลายปีนี้ 2.โครงการพัฒนาการยืดอายุผลไม้ด้วยเทคโนโลยีจุลินทรีย์ 3.โครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ยืดอายุและความสดของผัก ผลไม้และสินค้าเกษตร และ 4.โครงการเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมด้านอื่นๆเช่นโคนมและผลิตภัณฑ์นม
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการพัฒนาการยืดอายุผลไม้ด้วยเทคโนโลยีจุลินทรีย์และโครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์(Smart Packing) ยืดอายุและความสดของผัก ผลไม้และสินค้าเกษตรจะนำนวัตกรรมใหม่นี้มาใช้กับแผนโลจิสติกส์เกษตรทางเลือกใหม่ในยุคโควิด เช่น การขนส่งระบบรางจากไทยผ่านจีนไปทุกมณฑลของจีน เกาหลี ภูมิภาคเอเชียกลางภูมิภาคตะวันออกกลาง รัสเซีย สแกนดิเนเวีย ยุโรปและอังกฤษภายใต้ขบวนรถไฟอีต้าอีลู่(เส้นทางสายไหม)บนความร่วมมือระหว่างไทย-จีน-ลาว-เวียดนาม เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
“มาตรการปัองกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของแต่ละประเทศ ทำให้ต้นทุนการขนส่งโลจิสติกส์เพิ่มขึ้น ทั้งทางบกทางต้ำและ และใช้เวลานานขึ้นในการข้ามแดนตั้งแต่ปี 2563 จนถึงวันนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ จึงสั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาและวางแนวทางโลจิสติกส์ทางเลือกใหม่ๆภายใต้”5ยุทธศาสตร์เฉลิมชัย” และประกอบกับเส้นทางรถไฟสายจีน-ลาว จะแล้วเสร็จในเดือนธ.ค.นี้ เราจึงเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในการขนส่งสินค้าทางรางด้วยเส้นทางนี้ โดยใช้โลจิสติกส์ฮับที่อุดรธานีและหนองคาย ตั้งเป้าเริ่มคิดออฟต้นปีหน้า อีกเส้นทางคือการขนส่งระบบรางผ่านด่านผิงเสียงบริเวณพรมแดนเวียดนามกับเขตปกครองตนเองกวางสีจ้วงของจีน เราหวังว่าถ้าสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ยืดอายุผลไม้สด เช่น ทุเรียน มะม่วง มังคุด ลำไย เงาะ ลองกอง ขนุน ผัก สมุนไพร เป็นต้น จะทำให้มีทางเลือกในการขนส่งที่ถูกลงมีเวลาแน่นอนจากต้นทางถึงปลายทางและใช้เวลาน้อยลงแต่มีช่วงเวลาขายยาวขึ้นเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้าปลีกที่เป็นลูกค้าของไทยทั้งขายแบบออนไลน์และออฟไลน์และนี่คือการสร้างศักยภาพใหม่ในการส่งออกของเรา”ที่ปรึกษารมว.เกษตรฯกลาว