‘บีทีเอส’ ลั่นถึงเวลาต้องใช้สิทธิ์ตามกฏหมายเตรียมยื่นฟ้องศาลปกครองกรณีกทม.ค้างจ่ายหนี้ค่าจ้างเดินรถกว่า 3 หมื่นล้าน ปัดตั้งเงื่อนไขแลกต่อสัมปทาน
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือทนาย เพื่อขอใช้สิทธิ์ตามกฏหมายฟ้องต่อกรุงเทพมหานคร และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในการชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถ ค่าติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมวงเงินสะสม สูงกว่า 3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ล่าสุดการประชุมของสภากรุงเทพมหานคร ได้มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวและยังไม่อนุมัติงบประมาณของกทม.เพื่อมาชำระหนี้ได้ เนื่องจากยังมีภาระอื่นๆที่ต้องดำเนินการ โดยเสนอแนะทางออกด้วยการขอเงินสนับสนุนจากภาครัฐหรือการ่วมทุนกับภาคเอกชน
“ขณะนี้บริษัทประสบปัญหาอย่างมากจากการแบกรับภาระหนี้จำนวนหนี้มากว่า 4 ปี ถึงเวลาที่ต้องใช้สิทธิ์ทวงถามหนี้ และ ดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมายและไม่มีการนำเงื่อนไขนี้มาต่อรองการขอปรับขึ้นค่าโดยสาร หรือเรื่องสัมปทาน ซึ่งเรายังยืนยันที่จะให้บริการประชาชนต่อไปอย่างดีที่สุด”
อย่างไรก็ตามหากกทม.ไม่ดำเนินการอะไรเลย ได้ประเมินภาระหนี้ครบตามสัญญาสัมปทานปี 2572 บนสมมติฐานค่าโดยสาร 15 บาท ในส่วนต่อขยาย จะมีหนี้สะสมถึง 9 หมื่นล้านบาท แยกเป็นหนี้ค่าจ้างเดินรถ 6 หมื่นล้านบาท และ ค่าติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกลอีก 3 หมื่นล้านบาท
สำหรับปัญหาด้งกล่าวเกิดขึี้นจาก บีทีเอส มีหนังสือแจ้งให้บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัดและกทม.ชำระหนี้การให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งค้างชำระมาเป็นเวลาเกือบ 4 ปี นับตั้งแต่เดือน เม.ย.2560 จำนวน 10,900 ล้านบาท และหนี้ค่าซื้อระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) ที่ถึงกำหนดชำระในเดือนมี.ค. 2564 จำนวนกว่า 2 หมื่นล้านบาท รวมทั้งสิ้นประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ภายหลังจากมีหนังสือเตือน จนขณะนี้เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 ซึ่งที่ผ่านมาทางกทม.ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ