MONEY

17 มีนาคม 2564 : 16:35 น.

Bitazza จับมือยักษ์ใหญ่ Lightnet และ Velo Labsร่วมทุนครั้งใหม่เพื่อยกระดับและเชื่อมต่อ2ยุคของโลกการเงิน

Bitazza นายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (กลต.) จับมือกับ Lightnet Group ซึ่งเป็นบริษัทบล็อกเชนแห่งแรกในเอเชียที่ได้รับการสนับสนุนจากสองบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อยู่ในการจัดอันดับ 500 บริษัทของฟอร์จูนมีเดีย และ Velo Labs ซึ่งเป็นต้นแบบของการนำเทคโนโลยีบลอกเชนมาใช้ในการโอนสินทรัพย์ดิจิทัล กับการลงทุนครั้งใหญ่ที่มูลค่าสูงถึง 6 ล้านเหรียญสหรัฐ เป้าหมายหลักนอกจากการสร้างความคล่องตัวในการเดินทางของสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาล fiat และ คริปโทเคอร์เรนซี และเป็นการสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่เชื่อมโยงวิธีการแบบดั้งเดิมเข้ากับโลกดิจิทัลให้มากขึ้นแล้ว โดยเน้นขยายขอบเขตผู้ใช้งานทั่วประเทศไทย และขยายออกไปสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงตลาดการลงทุนต่างประเทศทั้งหมด รวมถึงผู้ใช้งานในภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (MSME) ด้วย

ทั้งนี้ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ทั้งสององค์กรมองเห็นร่วมกันและต้องการแก้ไขปัญหาที่มักเกิดของการชำระเงินและโอนเงินข้ามประเทศของสกุลที่ต่างกัน โครงการนี้จะทำให้เกิดความรวดเร็ว โปร่งใสและที่สำคัญคือปลอดภัยต่อผู้ใช้งานมากที่สุด โดยจะมีการนำโทเคน BTZ ซึ่งสร้างโดย ฺBitazza เข้ามาทำหน้าที่เป็นโทเค็นหลักในการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลงของการเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ นี่จึงถือได้ว่าเป็นประตูสู่การเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของอุตสาหกรรมการเงิน

นายตฤบดี อรุณานนท์ชัย รองประธานกรรมการและผู้ร่วมก่อตั้ง Lightnet Group เปิดเผยว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือที่แตกต่างกับพันธมิตรที่เชื่อถือได้เช่น Velo Labs และ Bitazzaเรามุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าจากตลาด MSME ในประเทศไทยอีกทางหนึ่งในการปรับปรุงการเข้าถึงระบบและสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีมากขึ้น

ด้านนายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ประธานบริษัท Velo Labs กล่าวว่า แม้ว่าทั้งสองบริษัท (Velo Lab และ Lightnet) จะถือกำเนิดในประเทศไทย แต่ก็ยังมองหาจะได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เหมาะสมเพื่อเข้าสู่ตลาดในประเทศไทยมาตลอด จนเราได้มาเริ่มต้นการเดินทางร่วมกับ Bitazza ในฐานะสมาชิกของกลุ่มCP Group ความพยายามระหว่าง 3 บริษัท นี้จะแสดงถึงการปฏิวัติสู่ภาคเทคโนโลยีการเงินในประเทศ โดยเฉพาะการเชิ่อมต่อทางด้านการเงินยุคใหม่ไปที่ภาคธุรกิจด้านการเกษตรและโทรคมนาคมที่กลุ่มCP Group ดูแลอยู่หลายบริษัททั้งรายใหญ่และรายย่อย หรือแม้แต่ผู้ค้านอกรายอื่นๆก็จะได้ประโยชน์จากครั้งนี้อย่างมาก ซึ่งถือว่าการทำงานร่วมกันในครั้งนี้จะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ภาคธุรกิจของประเทศเติบโตไปในระดับโลก

ขณะที่ นายกวิน พงษ์พันธ์เดชา ประธานกรรมการบริหารของ Bitazza กล่าวว่า “แผนของ Bitazza ที่จะขยายธุรกิจเข้าไปในตลาดอาเซียน และผลักดันให้เกิดระบบเศรษฐกิจที่มีโทเคน BTZ อยู่ในโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้การลงทุนโดย Lightnet ในครั้งนี้นับเป็นการลงทุนโดยสัญชาตญาณ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผลิตภัณฑ์ของแต่ละบริษัทสามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายยิ่งขึ้น และขยายความสามารถในการเข้าถึงพันธมิตรผ่านเครือข่ายนักลงทุนใหม่ๆ

“เป้าหมายของเราคือการผลักดันให้ประเทศไทยขึ้นไปอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล เฉกเช่นเดียวกับที่วอลล์สตรีทและซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางด้านการเงินและเทคโนโลยีตามลำดับ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบและผลักดันประเทศไทย รวมไปถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมทางการเงินยุคใหม่”นายกวินกล่าว

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ