.
กลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร เผยปัจจัยบวกที่สนับสนุนผลการดำเนินงานของ KTIS และบริษัทย่อยในปี 2564 คาดราคาน้ำตาลตลาดโลกยืนอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีก่อน รวมถึงราคาน้ำมันและราคาขายเยื่อกระดาษชานอ้อยก็ขยับขึ้น จากการกลับมาดำเนินกิจการของภาคธุรกิจต่างๆ หลังการระบาดของโควิด-19 คลี่คลายและมีวัคซีนป้องกัน รวมถึงกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมก็ส่งผลดีกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของกลุ่ม KTIS
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจร ให้ความเห็นถึงทิศทางธุรกิจในปี 2564 ว่า แม้ว่าการการระบาดของโควิด-19 ยังคงเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก แต่การรับมือของภาครัฐและเอกชนในประเทศต่างๆ จะไม่เหมือนกับปี 2563 เพราะประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ มีประสบการณ์ และมีอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ อย่างเพียงพอ อีกทั้งยังมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกให้สามารถนำมาใช้ได้ในหลายประเทศทั่วโลก จึงเชื่อว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ จะดำเนินไปได้ดีกว่าปี 2563 มาก
ทั้งนี้ หากพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลเชิงบวกในแต่ละสายธุรกิจของกลุ่ม KTIS จะเห็นได้ว่า ในสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย จะได้ประโยชน์จากราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น จากผลผลิตที่ลดลงและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีมากขึ้น ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ก็ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ก็คาดว่าราคาเยื่อกระดาษชานอ้อยจะปรับเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งส่งผลดีต่อสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษชานอ้อยด้วย
“นอกจากสายธุรกิจหลักดังกล่าวแล้ว เรายังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งภาชนะ บรรจุภัณฑ์ และหลอดที่ทำจากชานอ้อย 100% ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้ได้รับความสนใจอย่างมากและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี” นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว