'มาคาเลียส'ชี้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคัก หลังพบปัจจัยบวกช่วงโควิค-19 คนไทยแห่จองที่พักภายในประเทศ โตกว่า 100% ผลมาจากโรงแรมดังร่วมใจมอบสิทธิพิเศษ
นางสาวณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “มาคาเลียส ซึ่งถือเป็นออนไลน์ทราเวลแพลตฟอร์ม (Online Travel Platform) ที่รวบรวมและจำหน่ายวอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย เปิดให้บริการมากว่า 3 ปี โดยเน้นการจัดจำหน่ายวอเชอร์การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และนำมาจัดแพคเกจที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน จำหน่ายในรูปแบบอีวอเชอร์ (e-Voucher) ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เปิดให้บริการมีผู้เข้าเยี่ยมชมแพลตฟอร์มกว่าหลายแสนคนต่อวัน มีดีลให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการกว่า 700 ดีล รวมถึงสเปเชียลดีลในเทศกาลต่างๆ
โดยในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงการดำเนินนโยบายของภาครัฐเรื่องการล็อคดาวน์ประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาทของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าธุรกิจการท่องเที่ยวภายในประเทศต้องกลับคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดที่รัฐบาลดำเนินการอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงภาคธุรกิจโรงแรมที่พักร่วมใจกันอัดโปรโมชั่นต่างๆ มากมาย ประกอบกับนักท่องเที่ยวไทยยังคงหวาดกลัวการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ และความต้องการท่องเที่ยวมีเพิ่มมากขึ้นในช่วงล็อคดาวน์ ส่งผลให้ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวตลาดจำหน่ายวอเชอร์ที่พักมียอดสั่งจองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะนักท่องเที่ยวหลายคนซื้อวอร์เชอร์เก็บไว้ก่อนรอการคลายล็อคดาวน์ ค่อยนำออกมาใช้ เช่นเดียวกับ มาคาเลียส ที่มียอดสั่งซื้อวอเชอร์ที่พักตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมากกว่า 10,000 ใบ หรือโตขึ้นกว่า 100% มูลค่ากว่า 18 ล้านบาท จากเดิมที่มียอดสั่งซื้อเฉลี่ยเดือนละ 4,000-5,000 ใบ และบริษัทเชื่อมั่นว่าจะมียอดการสั่งจองวอเชอร์ท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะภาครัฐเริ่มมีการผ่อนปรนการล็อคดาวน์ประเทศ
นางสาวณีรนุช กล่าวต่อว่า “บริษัทฯ คาดการณ์ว่าภายหลังจากการคลายล็อคดาวน์ และการกำหนดวันหยุดชดเชยแทนวันสงกรานต์ที่ผ่านมา จะส่งผลให้ประชาชนคนไทยเริ่มกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้ง แต่รูปแบบการท่องเที่ยวหรือไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของคนไทยจะเปลี่ยนไปจากเดิม คือ เดินทางท่องเที่ยวเป็นกลุ่มขนาดเล็ก หรือ FIT (Free Individual Traveler) เช่น คู่รัก กลุ่มเพื่อน รวมไปถึงครอบครัวขนาดเล็ก มีการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง แทนการใช้บริการเอเจนซี่นำเที่ยว พฤติกรรมการท่องเที่ยวจะเน้นวันธรรมดา เนื่องจากได้โปรโมชั่นที่ดีกว่าและมีจำนวนคนท่องเที่ยวไม่มากเท่ากับวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ประกอบกับรูปแบบการทำงานของหลายคนเปลี่ยนไปจากทำงานที่ออฟฟิศเป็นการทำงานที่บ้าน (Work From Home) อีกทั้งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะมองหาวอเชอร์ด้านการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ครบวงจร มีความปลอดภัยสูง ในราคาที่สมเหตุสมผล เช่น แพคเกจที่พักรวมบริการภายในและสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียง เป็นต้น ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวรูปแบบกลุ่มทัวร์ขนาดใหญ่จากต่างประเทศ (Inbound) อาจมีไม่มากนักในช่วงเวลาดังกล่าวไปจนถึงสิ้นปี
ดังนั้น ด้านกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านค้า จำเป็นต้องปรับตัวรองรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศและปรับตัวให้เข้ากับ “ฐานวิถีการท่องเที่ยวใหม่” (New Normal Tourism) เน้นคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหลัง ซึ่งจะเห็นได้ว่าในธุรกิจโรงแรมเริ่มมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งมาตรการด้านสุขอนามัยของที่พัก พื้นที่ส่วนกลาง พนักงานที่ให้บริการ รวมไปถึงรูปแบบการให้บริการ เช่น เดิมอาหารเช้าจะจัดเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ที่ห้องอาหารก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นการให้บริการถึงห้องพัก เป็นต้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ตั้งแต่การจองที่พักด้วย e-Voucher ไปจนถึงการชำระค่าบริการต่างๆ เพื่อลดการสัมผัส สร้างสังคมไร้เงินสด (Cashless society) เป็นต้น