ครม.ไฟเขียวผ่อนปรนให้คนต่างด้าว "กัมพูชา-ลาว-เมียนมา" ทำงานตามเอ็มโอยู อยู่ในประเทศไทยได้ถึงวันที่ 31 พ.ค.เกี่ยวเนื่องจากโควิด-19
เมื่อวันที่ 5 พ.ค.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบ ตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอ การผ่อนปรนการอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและการทำงานให้กับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลงที่รัฐบาลไทยได้ลงนามกับรัฐบาลประเทศคู่ภาคี
ทั้งนี้ โดยไม่ให้นำมาตรา 12 (10) และมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาบังคับใช้แก่คนต่างด้าว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กำหนด โดยมีสาระสำคัญ คือ สืบเนื่องจากครม.มีมติเมื่อวันที่31มี.ค.2563 ผ่อนผันให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และ เมียนมา ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย อยู่ในราชอาณาจักร และทำงานไปถึงวันที่ 30 เม.ย.2563แต่มาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด- 19 ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ตามที่ได้มีประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1-31 พ.ค. 2563
ทั้งนี้ จึงผ่อนปรนให้กับคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลงที่รัฐบาลไทยได้ลงนามกับรัฐบาลประเทศคู่ภาคี ดังนี้ คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง และได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองที่วาระการจ้างงานครบ 4 ปีและระยะเวลาการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง แต่ไม่สามารถเดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ก่อนหรือในวันที่ 31 พ.ค.2563 จากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
สำหรับ คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาและเมียนมา ซึ่งถือบัตรผ่านแดนตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา 64 แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 โดยอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงาน ตั้งแต่วันที่ 1 -31 พ.ค.ตามประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 1) ลงวันที่ 28 เม.ย.2563
อย่างไรก็ตาม หลังจากสิ้นสุดวันที่ 31 พ.ค.ตามประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 1) ลงวันที่ 28 เม.ย.พ.ศ. 2563 แรงงานต่างด้าวต้องเดินทางออกจากราชอาณาจักรภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องต่อไป