แบรนด์แอคทีฟแวร์สัญชาติไทย ‘เวคกิ้งบี’ ชูคุณภาพผลิตภัณฑ์เทียบเท่าแบรนด์ดังระดับโกลบอล สวนกระแสวิกฤตไวรัส ดันธุรกิจแนวสุขภาพเติบโต ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มอีก 200% พร้อมเล็งขยายฐานลูกค้าผ่านกลยุทธ์การขายแบบ Omni Channel
เทรนด์รักสุขภาพยังคงเป็นกระแสที่มาแรงขึ้นทุกปี ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดเสื้อผ้าแนวสปอร์ตแฟชั่นมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท และยังคงเป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง กลุ่มแบรนด์แนวสปอร์ตแฟชั่นจึงหันมาพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดกันอย่างคึกคัก ประกอบกับวิกฤตการแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่สร้างความวิตกกังวลให้กับคนทั่วโลก ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น
ล่าสุดแบรนด์แอคทีฟแวร์ ‘เวคกิ้งบี’ (WAKINGBEE) ที่ครองใจผู้หญิงรักสุขภาพและชื่นชอบแฟชั่นมากว่า 5 ปี ได้รีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ พร้อมปรับโฉมโลโก้ อีกทั้งยังได้นักแสดงสาว แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ มาเสริมทัพทีมบริหาร ชูจุดเด่นคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ถูกพัฒนาให้เทียบเท่ากับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโกลบอล เล็งขยายฐานลูกค้าด้วยการสร้างแพลตฟอร์ม Omni Channel เพื่อเชื่อมต่อหน้าร้านกับออนไลน์ พร้อมเผยวิกฤต Covid-19 ช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงนี้
อรวัสสา ศยามเศรณี กรรมการผู้จัดการแบรนด์ ‘เวคกิ้งบี’ (WAKINGBEE) กล่าวว่า “การรีแบรนด์ครั้งนี้ได้ถูกปรับโฉมขึ้นใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘พลังในแบบคุณ’ (Sensible Sweat) หรือการใช้ชีวิตแอคทีฟแบบสมดุล เพราะเราเชื่อว่าเป้าหมายในการออกกำลังกายของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน บางคนอาจต้องการออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง บางคนออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลายจากความเครียด ในขณะที่บางคนต้องการสร้างกล้ามเนื้ออย่างจริงจัง เวคกิ้งบีเชื่อว่าเส้นทางสู่ชีวิตแอคทีฟเริ่มต้นมาจากข้างใน ซึ่งแต่ละคนรู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่ผลักดันให้เราเริ่มต้นออกกำลังกายและทำอย่างต่อเนื่องได้อย่างมีความสุข มันอาจจะไม่ใช่การออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงแต่คือความพยายามในทางที่ถูกและพอดีกับตัวเอง คอนเซ็ปต์นี้จึงถูกใช้เป็นแนวคิดในการพัฒนารูปแบบสินค้าของเราให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การออกกำลังกายของผู้หญิงแต่ละคนที่แตกต่างกัน”
โดยการเปลี่ยนแปลงแรกที่เห็นได้ชัดเจนคือการปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ที่ใช้สัญลักษณ์หยินหยาง โดยใช้เส้นลายทางสี่เส้นแทนสีดำให้สื่อถึงความแอคทีฟ ส่วนวงกลมสีขาวสื่อถึงการหยุดพัก รวมกันแล้วจะเกิดเป็นความสมดุลของการออกกำลังกายและใช้ชีวิตแอคทีฟ นอกจากนี้ยังได้ดึงตัวนักแสดงสาวผู้รักการออกกำลังกาย แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ ร่วมทีมเป็นหนึ่งในผู้บริหารคนใหม่ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ขึ้นอันดับหนึ่งในตลาดพรีเมี่ยมแมส
อรวัสสา ศยามเศรณี เผยว่า “กลุ่มลูกค้าของเราเป็นผู้หญิงช่วงวัย 20-50 ปี โดยสิ่งที่เราสามารถมัดใจลูกค้ามาได้ตลอดคือเรื่องของความลงตัวระหว่างดีไซน์และฟังก์ชั่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อสรีระของผู้หญิงโดยเฉพาะ รวมถึงการที่ Influencers ที่มีชื่อเสียงหลายคนได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของเราแล้วเขาชอบ จึงช่วยประชาสัมพันธ์ในสื่อออนไลน์ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้างได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ส่วนลูกค้าต่างชาติก็จะรู้จักแบรนด์จากหน้าร้านบนห้างฯ ชั้นนำ ซึ่งถึงแม้วิกฤต Covid-19 จะส่งผลให้คนเดินห้างฯ กันน้อยลง แต่ก็หันมาซื้อชุดออกกำลังกายผ่านทางออนไลน์แทน เพราะคนตระหนักถึงการใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสครั้งนี้
โดยการรีแบรนด์ครั้งนี้เราก็ได้ถือโอกาสเปิดตัวผู้บริหารคนใหม่ คุณแต้ว-ณฐพร ซึ่งได้ร่วมกันออกคอลเลกชั่นพิเศษมาหลายครั้งแล้ว คุณแต้วเป็นแฟนคลับของแบรนด์ ‘เวคกิ้งบี’ (WAKINGBEE) ชื่นชอบการออกกำลังกายและมีไลฟ์สไตล์ที่ตรงกับคอนเซ็ปต์ Sensible Sweat ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้หญิงแอคทีฟยุคใหม่อย่างแท้จริง สามารถถ่ายทอดตัวตนของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี”
ในปีนี้ทางแบรนด์ยังได้ Strategic Partner เป็นโรงงานผลิตสปอร์ตแวร์รายใหญ่ที่สุดของเมืองไทย มาร่วมกันพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้เทียบเท่ากับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโกลบอล พร้อมขยายไลน์สินค้าเพื่อเจาะลูกค้ากลุ่มใหม่ ทั้งการเพิ่มสินค้าเบสิกที่สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับไอเท็มชิ้นอื่นได้ง่ายในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น เริ่มต้นเพียง 590 บาทเท่านั้น รวมถึงการเพิ่มขนาดไซส์ใหญ่พิเศษ (XL) เพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงได้ทุกสรีระ นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังพัฒนาด้านการผลิตไปอีกขั้นด้วยผ้าเฉพาะของแบรนด์ในชื่อ ‘บีเลิฟด์’ (Beeloved) ซึ่งผสมผสานคุณสมบัติพิเศษ 4 ประการไว้ด้วยกันคือ ระบายเหงื่อ แห้งเร็ว (Quick dry), ป้องกันรังสียูวี (UV guard), ยืดหยุ่นได้สี่ทิศทาง (4-way stretch) และยับยั้งการเกิดแบคทีเรีย (Anti-odor) โดยผ้า Beeloved จะถูกใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีราคา 1,000 บาทขึ้นไป
โดยปัจจุบัน ‘เวคกิ้งบี’ (WAKINGBEE) มีสาขาทั้งหมด 11 สาขาด้วยกัน แบ่งเป็นแฟล็กชิพสโตร์ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ กับป๊อปอัพ สโตร์ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว และยังมีเคาน์เตอร์ในห้างฯชั้นนำ อีก 9 แห่ง และเล็งขยายสาขาเพิ่มอีกภายในปีนี้ พร้อมกลยุทธ์การตลาดแบบ Omni Channel ที่จะเชื่อมต่อช่องทางการขายทั้งออนไลน์และหน้าร้านเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีให้กับลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ โดยเวคกิ้งบี ใช้ความเข้าใจในพฤติกรรมการเลือกซื้อเสื้อผ้าออกกำลังกายของลูกค้า มาออกแบบ brand touchpoint ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและรายละเอียดของสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถเลือกและสั่งซื้อสินค้าอย่างสะดวกรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็มีหน้าร้านที่ลูกค้าสามารถลอง เลือกซื้อ รับและเปลี่ยนสินค้าที่สั่งจากทางออนไลน์ได้ โดยอ้างอิงจากฐานข้อมูลที่เชื่อมต่อกัน
นอกจากนี้ ‘เวคกิ้งบี’ (WAKINGBEE) ยังมีแผนขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อดันยอดขายให้เติบโตตามเป้า โดยปัจจุบัน แบรนด์มีตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้วที่ฮ่องกงและไต้หวัน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการรีแบรนด์ครั้งนี้ เพราะด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ทั้งของคนไทยและต่างชาติ
พบกับแบรนด์แอคทีฟแวร์ ‘เวคกิ้งบี’ (WAKINGBEE) โฉมใหม่ได้แล้ววันนี้ที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว สยามพารากอน เซ็นทรัลชิดลม เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ดิ เอมโพเรียม และช่องทางออนไลน์ที่ https://wakingbee.com/ หรือไลน์แอด @WAKINGBEE