บราเดอร์ มั่นใจตลาดเมืองไทยมีโอกาส คาดปีงบประมาณ 62 เติบโตกว่า 5% สานต่อกลยุทธ์ ‘3C’ สร้างทีมเวิร์คเสริมทัพตัวแทนมุ่งเจาะกลุ่มคอร์ปอเรท ดันบริการหลังการขายเพิ่มรายได้ด้วยการเพิ่มบริการเสริม
บราเดอร์ พร้อมเดินหน้าสร้างมิติใหม่ให้วงการไอทีเมืองไทยปี 2563 เตรียมจับมือแบรนด์ดัง เดินหน้าครีเอทสีสันแคมเปญการตลาดขยายการรับรู้สู่ฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ย้ำปรัชญาการดำเนินธุรกิจ ‘at your side’ สร้างทีมที่ปรึกษาเสริมทัพทีมขายและทีมบริการแก่ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เพิ่มความมั่นใจสร้างโอกาสการขายให้มากขึ้น เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ในกลุ่มสินค้าทั้งเครื่องพิมพ์ จักรเย็บผ้า ระบบเครื่องเสียงคาราโอเกะ เครื่องพิมพ์ฉลาก และสแกนเนอร์ตลอดปี เน้นผสานโซลูชั่นเพื่อเพิ่มตอบโจทย์ความต้องการให้แก่ทุกกลุ่มเป้าหมาย มั่นใจปีงบประมาณ 63 จะสามารถสร้างอัตราการเติบโต 5% แม้ภาพรวมตลาดยังทรงตัว ชี้ศักยภาพภาคเอกชนของไทยยังแข็งแกร่งพร้อมปรับตัวรับมือได้ในทุกสภาวะ
นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด (Mr.Teerawut Supapunpinyo, Managing Director of Brother Commercial (Thailand) Limited) เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมธุรกิจเครื่องพิมพ์ในไทยยังทรงตัว แต่บราเดอร์สามารถสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดให้เติบโตเพิ่มขึ้น หลังปรับรูปแบบกลยุทธ์สะท้อน DNA ของแบรนด์ที่มีความหลากหลายด้านผลิตภัณฑ์เพิ่มสีสันไลฟ์สไตล์ตอบโจทย์ลูกค้าปัจจุบัน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญการ ทรานส์ฟอร์ม 3 ส่วนหลัก ได้แก่ Business transform, Operational Transform และ Talent Transform ด้วยกลยุทธ์ ‘3C’ มุ่งโฟกัส Customer (ลูกค้า) Channel Partner (ช่องทางการจัดจำหน่าย) ไปจนถึง Company (ตัวองค์กร) ทำให้ในปีงบประมาณ 2562 บริษัทฯ คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตแบบสวนกระแสถึง 5 %
ในปีงบประมาณ 2563 บราเดอร์ยังคงเดินตามกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ในช่วง 3 ปี ครอบคลุมระหว่างปีงบประมาณ 2562 – 2564 ด้วยการเพิ่มความเข้มข้นให้แก่กลยุทธ์ ‘3C’ เริ่มจาก Customer (ลูกค้า) เน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ที่เติมเต็มความต้องการให้หลากหลายยิ่งขึ้น Channel Partner (ช่องทางการจัดจำหน่าย) ที่ปีนี้จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนด้วยการสร้างการทำงานภายใต้คอนเซปต์ Brother: the Power of TEAM เป้าหมายเพื่อสร้างทีมที่ปรึกษาให้แก่กลุ่มตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สร้างโอกาสทางการขายใหม่ๆ ด้วยการส่งทีมผลิตภัณฑ์ ทีมขาย ทีมสื่อสารการตลาด ทีมเทคนิค และทีมบริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์บราเดอร์ กระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า Company (ตัวองค์กร) บราเดอร์ จะนำระบบ “Agile” มาใช้ในการทำงานในแต่ละโครงการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานเกิดความยืดหยุ่นและเกิดความรวดเร็วในการสร้างผลงาน โดยจะคัดเลือกบุคลากรในแต่ละแผนก เข้ามาระดมความคิด เพื่อกำหนดแนวทางในการเพิ่มศักยภาพ ความคล่องตัว และบริหารการใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งระบบดังกล่าวจะใช้ต่อเนื่องไปถึงปี 2564
“ปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าของบราเดอร์กว่า 60% เป็นกลุ่มลูกค้า SME และ กลุ่มคอร์ปอเรท กลุ่มเครื่องพิมพ์เลเซอร์ยังเป็นสินค้าแฟลกชิป (แหล่งข้อมูลจาก GFK) โดยบราเดอร์ครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กลุ่มโมโนเลเซอร์พรินเตอร์ ปัจจุบันครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 38%, กลุ่มโมโนเลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์ ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 56% และกลุ่มคัลเลอร์เลเซอร์มัลติฟังก์ชั่นพรินเตอร์ ที่ครองส่วนแบ่งการตลาด 33% ด้านกลุ่มอิงค์เจทพรินเตอร์ บราเดอร์ยังเกาะกลุ่ม 1 ใน 3 ผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 17% ที่ผ่านมาบราเดอร์ใช้กลยุทธ์ทั้ง “Push & Pull” จนทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และในปีนี้จะเพิ่มสีสรรในการทำตลาดรูปแบบใหม่เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากคู่แข่ง และ ที่สำคัญในปีนี้บราเดอร์จะใช้งานบริการหลังการขายที่ได้รับการยอมรับอย่างมากถึงคุณภาพมาเป็นหนึ่งในเครื่องมือเพื่อเพิ่มรายได้ให้บริษัทฯ ด้วย” นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กล่าวเสริม
ทางด้าน นายวรศักดิ์ ประดิษฐ์กุล ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์การนำบริการหลังการขาย มาเป็นอีกหนึ่งเฟืองจักรสำคัญเพื่อเพิ่มประโยชน์สูงสุดให้กับลุกค้าว่า จากการยอมรับของกลุ่มเป้าหมายต่อคุณภาพงานบริการหลังการขายของ บราเดอร์ ที่พร้อมทั้งด้านบุคลากรและระบบการบริการอันทันสมัย ทำให้บราเดอร์เห็นโอกาสและพัฒนาสู่บริการเสริมเพื่อเพิ่มความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยในปีงบประมาณ 2563 บราเดอร์ เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถซื้อ การขยายระยะเวลารับประกัน และเพิ่มบริการพิเศษพร้อมตัวเครื่องได้ตามความต้องการ เพื่อความคุ้มค่าและสร้างความมั่นใจยิ่งขึ้น ทั้งรูปแบบนำเครื่องเข้าศูนย์บริการและการบริการซ่อมนอกสถานที่ นอกจากนี้ ยังเดินหน้าพัฒนาระบบ chatbot พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมงเต็มรูปแบบซึ่งคาดว่าจะนำมาใช้ในช่วงต้นปี 2564 พร้อมกันนี้ ยังได้พัฒนาแอพลิเคชั่น Brother Support Center ที่รวบรวมข้อมูลสินค้า คู่มือการใช้งาน การตรวจสอบสถานะเครื่อง และข้อมูลศูนย์บริการบราเดอร์ทั่วประเทศ พร้อมทั้งสามารถใช้เป็นช่องทาง Brother Live Chat เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า โดยช่องทางดังกล่าวยัง สามารถจัดส่งข้อมูลได้ทั้งรูปแบบภาพและวิดีโอได้ด้วยเพื่อเพิ่มมิติด้านการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้านจำนวนศูนย์บริการในปัจจุบันมีครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยล่าสุดได้เปิดศูนย์บริการในประเทศลาวที่เวียงจันทน์ และจะเดินหน้าเปิดศูนย์บริการอีก 2 แห่ง ที่หลวงพระบางและสะหวันนะเขต และเพื่อสร้างมาตรฐานการอบรมแก่พนักงานบราเดอร์ได้นำระบบ e-learning เข้ามาใช้ฝึกอบรมผ่าน visual classroom เพื่อความชัดเจนในการสื่อสาร สามารถใช้ผ่าน Smart devicesเพื่อเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
“นอกจากจะทุ่มเทส่งมอบงานบริการที่มีคุณภาพสู่ลูกค้าแล้ว บราเดอร์ ยังได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่ออุทิศองค์ความรู้ด้านเทคนิคบริการให้แก่นักศึกษาทั่วในแต่ละภาค อาทิ ภาคกลางที่ปราจีนบุรีและนครนายก ภาคเหนือที่สุโขทัย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สุรินทร์ และภาคใต้ที่สุราษฎร์ธานี และในปีนี้จะขยายโครงการโดยใช้ศูนย์บริการในพื้นที่หลักๆ เช่น เชียงใหม่ หาดใหญ่ ขอนแก่น เปิดให้นักศึกษาเข้ามารับการอบรมความรู้ด้านเทคนิคที่ศูนย์บริการ รวมทั้งเพิ่มการอบรมหลักสูตร Mindset development เพื่อพัฒนาทัศนคติคิดบวกสร้างความพร้อมก่อนออกสู่สังคมการทำงาน” นายวรศักดิ์ ประดิษฐ์กุล อธิบายเพิ่มเติม
นายพรภัค อุไพศิลป์สถาพร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายถึงแผนการปรับกลยุทธ์ด้านการพัฒนาองค์กรด้วยการสร้าง ‘บุคลากรคุณภาพ’ รับการเปลี่ยนแปลงของกระแสเศรษฐกิจโลกที่ปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วว่า บริษัทฯ สร้างโปรเจคในการพัฒนาบุคคลากรขององค์กร ตามกลยุทธ์ Talent transform ด้วยการพัฒนากลุ่มบุคลากรที่มีทัศนคติที่ดีและพร้อมจะเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่าและยินดีร่วมเป็นหนึ่งในการผลักดันองค์กรสู่การเติบโตที่ยั่งยืน และพร้อมจะนำความรู้ ประสบการณ์ที่ได้มาแบ่งปันสู่เพื่อนร่วมงาน สร้างบุคลากรคุณภาพใบแบบ multi task skill สร้าง mind set ที่ดี คิดนอกกรอบ สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ เพิ่มความคล่องตัว เตรียมพร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างเข้าใจไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนาด้านการฝึกอบรมด้วยระบบออนไลน์ ให้พนักงานสามารถเข้าคอร์สได้ทุกที่ทุกเวลา เพิ่มความยืดหยุ่นในการพัฒนาศักยภาพ
“ด้านกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) จะมุ่งไปที่การพัฒนาชุมชนท้องถิ่น (local community) มีโครงการหลักคือ Brother Beat Cancer Run วิ่งด้วยกัน สู้ด้วยกันซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อยากไร้ ในมูลนิธิรามาธิบดี กองทุนมะเร็งโลหิตวิทยาผู้ใหญ่ โรงพยาบาลรามาธิบดี และส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม (environment) มีโครงการหลักคือ โครงการ “บราเดอร์อาสาอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติป่าชายเลน” ที่บริษัทฯ ได้ทำต่อเนื่องมากว่า 11 ปี ณ ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลน จังหวัดสมุทรสาคร และ สมุทรสงคราม โดยบราเดอร์จะยังคงทำโครงการต่อไปเรื่อยๆ แต่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดกิจกรรมบ้างและยังคงเป้าหมายไว้ดังเดิม นอกจากนี้ ยังวางแผนเพิ่มการจัดกิจกรรม CSR ในทุกไตรมาส โดยเน้นบริจาคผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยเหลือชุมชนหรือโครงการด้านการศึกษา ตลอดจนการส่งเสริมทักษะความรู้ด้านไอทีให้แก่นักเรียนนักศึกษาเพื่อเป็นการคืนกลับสู่สังคมด้วยเช่นกัน” นายพรภัค อุไพศิลป์สถาพร กล่าวสรุป
ชมข้อมูล บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) เพิ่มเติมได้ที่ https://www.brother.co.th/th-th
facebook : BrotherCommercialThailand
หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Brother Contact Center โทร. 0-2665-7777