'สุดารันต์'นำทีมพบผู้ประกอบการย่านประตูน้ำรับฟังปัญหาหนักอกขายของไม่ได้ พ่อค้าโอดยอดขายร่วงกว่าร้อยละ 50 ชี้รัฐบาลใช้ระบบเอื้อทุนต่างชาติขนาดใหญ่ทำลายคนตัวเล็ก
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายโภคิน พลกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส เลขาธิการกลุ่มเพื่อไทย นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นายประพนธ์ เนตรรังษี อดีต ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ร่วมประชุมสัมมนารับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการ smes และผู้ค้าย่านประตูน้ำ
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ค้าได้สะท้อนถึงปัญหาในหลายประเด็น เรื่องใหญ่คือยอดขายที่ตกลงกว่าร้อยละ 50 ถึงร้อยละ70 ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจ ผลจากการเข้ามาของกลุ่มทุนจีน และการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงออนไลน์ ต่างชาติยักษ์ ใหญ่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย โดยเฉพาะการงดเว้นภาษี ในส่วนของออฟไลน์ผู้ค้าต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจีนก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ค้าเห็นว่า วิธีการเข้ามาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีกระบวนการที่ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ของไทย ซึ่งอาจมีผลประโยชน์มาแลกเปลี่ยน ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่องมีผลทำให้ยอดขายตกลง ส่งออกได้รับผลกระทบ ย้ายฐานการผลิต
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กล่าวว่า จากที่รับฟังปัญหาทราบว่า รัฐบาลส่งเสริมต่างชาติมากกว่า SME ในประเทศไทย เช่น การให้สิทธิพิเศษกับค้าส่งหรือออนไลน์ยักษ์ใหญ่ จนทำให้การทำมาหากินของคนไทยได้รับผลกระทบ ทุนใหญ่ภาษีไม่ต้องเสีย ได้รับการยกเว้นพิธีการทางศุลกากรทุกอย่าง ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากประเทศต้นทาง ทำให้ผู้ประกอบการของไทย ไม่ว่าจะเป็นประตูน้ำ สําเพ็ง ตลิ่งชัน บางบอน ได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ รัฐบาลจึงต้องทบทวนการคุ้มครองและให้สิทธิพิเศษกับคนต่างชาติที่มาค้าขายแข่งกับคนไทย โดยเห็นว่า สิ่งที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการ คือการให้สิทธิพิเศษกับคนไทยโดยเฉพาะผู้ค้ารายเล็ก SME จะต้องได้สิทธิพิเศษให้แข็งแรงเพียงพอที่จะยืนสู้กับคนต่างชาติได้
ขณะที่ เรื่องของค่าเงินบาทเป็นปัญหาหลัก ทำให้การส่งออกและการท่องเที่ยวซบเซา รัฐต้องมีวิธีการบริหารจัดการไม่ปล่อยปละละเลย โดยเชื่อว่า มีหลายมาตรการที่ทำให้ค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยไม่ใช้การแทรกแซง ส่วนมาตรการทางภาษีที่เข้ามาตรวจสอบทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าเข้าสู่ระบบ พรรคเพื่อไทยมีความเห็นว่า จำเป็นต้องลดภาษี นิรโทษกรรมแล้วเริ่มต้นใหม่ ซึ่งทั้งหมดจะทำเป็นรายงานและจะจัดสัมมนาใหญ่อีกครั้ง
ด้าน นายโภคิน พลกุล มองว่า นักธุรกิจชาวจีนเข้ามามากขึ้น รวมถึงพม่า เวียดนาม ลาว มีการแข่งขันกับผู้ประกอบการไทย สถานการณ์เป็นเช่นนี้มาประมาณ 5 ปีซึ่งจุดแข็งของผู้ประกอบการที่เป็นคนจีนคือมีความขยัน เจ้าเล่ห์ไม่สนใจข้อกฎหมาย เจ้าหน้าที่ก็รับผลประโยชน์จากพ่อค้าจีน ประกอบกับรัฐบาลของประเทศต้นทางให้การสนับสนุนเช่นเรื่องของค่าขนส่ง หรือการคืนอัตราภาษี
ขณะที่ ของไทยแม้ผู้ประกอบการพยายามดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้อง แต่เมื่อเข้าสู่ระบบกลับถูกตรวจสอบย้อนหลัง ภาษีนิติบุคคลไม่ว่าจะมีกำไรมากน้อย ก็ต้องเสียเหมือนกันทั้งหมด เกิดช่องว่างระหว่างผู้ค้าตัวเล็กกับบริษัทขนาดใหญ่ จึงเห็นว่า บริษัทขนาดใหญ่ควรเสียภาษีเพิ่มขึ้น ไม่ให้ภาระตกไปอยู่กับคนตัวเล็ก
นอกจากนี้ ยังเห็นว่าการเข้ามาของผู้ค้าออนไลน์ยักษ์ใหญ่จากจีน ทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก ผู้มีอำนาจอาจดีใจเมื่อเห็นการลงทุนหลักหมื่นล้าน จากต่างชาติแต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการขนาดเล็กขนาดกลางของไทยกลับเสียเป็นแสนล้าน