'ธนชาต'บรรลุข้อตกลง จับมือพันธมิตรระดับโลก บีไฮฟ์ เอเชีย เปิดตัวแพลตฟอร์ม สินเชื่อ SME แวลูเชน
นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจขนาดเล็ก ธนาคารธนชาต เปิดเผยว่า ธนาคารพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับธุรกรรมฟินเทค (Fintech) ล่าสุดได้จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก บริษัท บีไฮฟ์ เอเชียซึ่งมีความแข็งแกร่งในการสร้างตลาดและวางแพลตฟอร์ม “Value Chain Financing Program” หรือโปรแกรมสินเชื่อแวลูเชน ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ช่วยลดขั้นตอนการขอสินเชื่อ การอนุมัติสินเชื่อ และกระบวนการชำระเงินสำหรับคู่ค้าในธุรกิจที่มีการผลิตและการสั่งซื้อโดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่ม SMEs จึงมั่นใจว่า โปรแกรมสินเชื่อแวลูเชน จะตอบโจทย์ลูกค้าสินเชื่อทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ความโดดเด่นของโปรแกรมสินเชื่อแวลูเชน นอกจากจะลดขั้นตอนที่ยุ่งยากและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าแล้ว ยังสร้างปรากฏการณ์ให้ลูกค้าในกลุ่ม SMEs เข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากโปรแกรมพัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนกระบวนการกู้ยืมเงินผ่านระบบสนับสนุนทางดิจิทัล ซึ่งแตกต่างจากขั้นตอนแบบเดิมๆ จุดเด่นคือ สินเชื่อภายใต้โปรแกรมสินเชื่อแวลูเชน เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและลูกค้าสามารถเบิก ใช้สินเชื่อได้ถึง 90% ของใบแจ้งหนี้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ อีกทั้งยังได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้ (ปกติคิดในอัตรา 2% ของวงเงินกู้) อีกด้วย ซึ่งผู้ผลิตสินค้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องเงินหมุนเวียนหรือสภาพคล่องอีกต่อไป
สำหรับ โปรแกรมสินเชื่อแวลูเชน มีหลักการง่ายๆ คือ เมื่อลูกค้าผู้สั่งสินค้าต้องการสั่งซื้อจากผู้ผลิตสินค้า โดยทั้งสองฝ่าย จะเป็นลูกค้าของธนาคารมาก่อนหรือไม่ก็ได้ เพียงแต่มีความประสงค์จะเข้าร่วมโปรแกรมสินเชื่อแวลูเชน ก็สามารถแจ้งชื่อทั้งชื่อผู้สั่งสินค้าและผู้ผลิตมายังธนาคาร โดยในกระบวนการทั้งหมด ธนาคารธนชาต และ บีไฮฟ์ เอเชีย จะดำเนินการติดต่อไปยังลูกค้าผู้สั่งซื้อสินค้า เพื่อขอข้อมูลเบื้องต้นของผู้ผลิตสินค้า ที่เป็นคู่ค้าของผู้สั่งซื้อรายนั้นๆ พร้อมกับการเสนอวงเงินสินเชื่อให้กับผู้ผลิตสินค้า
ด้านนายจัสติน ไรท์ ผอ.บีไฮฟ์ภูมิภาคเอเชีย กล่าวเสริมว่า โปรแกรมสินเชื่อแวลูเชน จะทำให้ธนาคารธนชาต มีศักยภาพที่สำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มสินค้าและบริการเพื่อธุรกิจ SME ของธนาคาร และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะประสานความร่วมมืออันแข็งแกร่งกับธนาคาร โดยมีเป้าหมายในการขยายความร่วมมือต่อไปในอนาคต
“ด้วยความพร้อมของธนาคารธนชาต กับความเป็นมืออาชีพของพันธมิตรทางธุรกิจระดับสากลของ บริษัท บีไฮฟ์ เอเชีย จำกัด ทางธนาคารมั่นใจอย่างยิ่งว่า โปรแกรมสินเชื่อแวลูเชนจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและจะมีบทบาทสำคัญต่อการขยายตัวของวงจรการผลิตและการสั่งซื้อในทุกอุตสาหกรรม และรองรับฟินเทค ประเทศไทยในยุค 4.0 ที่จะถึงในอนาคตอันใกล้นี้” นายจัสตินกล่าว