MONEY

โดย กองบรรณาธิการ M2F

15 มกราคม 2562 : 11:58 น.

SPCG แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ยืนยันเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์ม “Ukujima Mega Solar Project” กำลังผลิตประมาณ 480 เมกกะวัตต์ ยันได้รับค่าไฟ 40 เยนเหมือนเดิม

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่าได้ทำหนังสือถึง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 เรื่อง ยืนยันการลงทุนพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์ม ภายใต้ชื่อโครงการ “Ukujima Mega Solar Project” โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า “ด้วยปรากฎว่ามีการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายในการรับซื้อระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหหาชน) (“SPCG”) ขอยืนยันแผนการลงทุนพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์ม ภายใต้ชื่อโครงการ “Ukujima Mega Solar Project” ขนาดกำลังผลิตประมาณ 480 เมกกะวัตต์ ณ เกาะ Ukujima เมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ โดยมีผู้ร่วมลงทุนทั้งสิ้น 8 บริษัท ได้แก่ Kyocera Corporation ,Kyudenko Corporation ,Mizuho Bank ,SPCG Pubic Company Limited ,Tokyo Century Corporation ,Furukawa Electric Company Limited และ The Eighteenth Bank Limited ซึ่งใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 200 Billion Yen (หรือประมาณ 1.8 Billion USD หรือประมาณ 58,000 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 32.0787 ณ วันที่ 14 มกราคม 2562) โครงการดังกล่าวมีกำหนดเริ่มการก่อสร้างในปี 2019 โดยมีอัตรารับซื้อไฟฟ้า FIT ตามเดิม

กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสพีซีจี ยืนยันว่า บริษัทยังคงเดินหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์ม Ukujima 480 เมกะวัตต์ โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่และเป็นโครงการระหว่างประเทศ โดยบริษัทจะยังคงได้รับค่าไฟ 40 เยนเหมือนเดิม และจะไม่มีการถูกปรับลดระยะเวลาในการขายไฟลงแน่นอน นอกจากนี้บริษัทได้แสดงเอกสารและความคืบหน้าตั้งใจในการดำเนินโครงการกับทางการญี่ปุ่น โดยได้มีการเตรียมที่ดินไว้แล้ว และจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 1 ปีนี้ โดยจะเสร็จสิ้นภายในปี 2563-2564 เช่นเดียวกับโครงการโซลาร์ฟาร์ม เมืองฟูกุโอกะ กำลังการผลิต 65 เมกะวัตต์ก็จะเดินหน้าได้ และคาดว่าจะเสร็จเร็วกว่า Ukujima เนื่องจากขนาดเล็กกว่า

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ทางการญี่ปุ่นประกาศล้างท่อผู้ที่ได้ใบอนุญาตโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) โดยกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่นได้ส่งเอกสารให้ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตขายไฟฟ้าและได้ราคารับซื้อ FIT สูงราว 32-40 เยน ช่วงปี 2555-2557 ต้องมีการดำเนินการภายในวันที่ 31 มีนาคม 2562 เนื่องจากพบว่าจำนวนโซลาร์ญี่ปุ่นที่ออกให้ราว 53,697 เมกะวัตต์ แต่ยังไม่มีการจ่ายไฟเฉียด 20000 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ทางการญี่ปุ่นยังได้มีการประกาศเพิ่มเติมอีกในแง่ของผู้ที่ยังไม่ได้มีความคืบหน้าในการดำเนินการพัฒนาโครงการ เช่น ยังไม่มีที่ดิน หรือ ยังไม่มีการจ่ายค่าเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าจะถูกบีบลดอัตรารับซื้อค่าไฟลง รวมไปถึงการลดระยะเวลาสัญญาการรับซื้อไฟฟ้าลงมา

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ