รมว.อุตสาหกรรม มั่นใจปีหมูทองการลงทุนไทยสดใสไปต่อ โดยเฉพาะ 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ที่จะเกิดการลงทุนมากขึ้นในพื้นที่อีอีซี ลั่นเลื่อนเลือกตั้งไม่กระทบ เพราะนักลงทุนมองระยะยาว

เมื่อวันที่ 7 ม.ค. นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยในงานสัมมนา Thailand Economic Challenges 2019 ปีหมูทอง เศรษฐกิจไทยไปต่อ ? ว่า ปี 2562 ยังเป็นปีของโอกาสแห่งการลงทุนที่ยังคงมีทิศทางเติบโตต่อเนื่องจากปี 25621 โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนรองรับเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาถึง ประกอบกับประเทศไทยมีการเลือกตั้ง ทำให้ภาคเอกชนเชื่อมั่นว่าประเทศจะเดินไปข้างหน้ามากขึ้น แม้ว่าจะมีการเลื่อนวันเลือกตั้ง แต่การลงทุนภาพรวมนักลงทุนจะมองระยะยาว มากกว่าระยะสั้น

ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมเขาพร้อมที่จะลงทุนทั้งรถยนต์เดิมที่จะขยายกำลังการผลิต และยานยนต์ไฟฟ้าที่มีการลงทุนระดับ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อที่จะก้าวไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้าที่จะทยอยเข้ามาในปีนี้เพิ่มเติม ส่วนการเลื่อนวันเลือกตั้งคงต้องดูผลระยะสั้น แต่เชื่อว่าระยะยาวไม่มีผลอะไร เพราะการลงทุนต้องมองยาวซึ่งรัฐบาลนี้ก็วางในเรื่องของอุตสาหกรรมเป้าหมายและการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี)ไว้รองรับอย่างชัดเจนแล้ว

สำหรับ ภาคอุตสาหกรรมปีหมูมีความท้าทายในเรื่องของปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจโลก ที่ไม่แน่นอนแล้ว การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี (Disruptive ) ก็ถือว่าเป็นเรื่องท้าทายเช่นกัน แต่ขณะเดียวกันก็ถือเป็นโอกาส หากไทยไม่ใช้โอกาสนี้เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมจะเหนื่อย ดังนั้นรัฐบาลจึงทำการปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรม ด้วยการสนับสนุนไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่โดยเฉพาะใน 5 อุตสาหกรรมหลักได้แก่

1.อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 2. อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 3. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 4.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และ 5.อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้จะนำมาซึ่งการลงทุนเพิ่มเติมและจะเริ่มทยอยเห็นผลได้ในปีนี้

ทั้งนี้ 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายดังกล่าวถือเป็นการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ให้กับระบบเศรษฐกิจไทยที่จะก้าวไปข้างหน้าได้ และยังตอบโจทย์ของการเสริมสร้างจุดแข็งที่ไทยมีอยู่ได้แก่ ภาคการเกษตร แม้ว่าวันนี้พืชเกษตรของไทยจะมีจุดอ่อนหลายด้านแต่ถ้าก้าวไปสู่อุตสาหกรรมชีวภาพก็จะทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้ นอกจากนี้ยังว่าด้วยเรื่องการท่องเที่ยวที่ต้องเป็นความยั่งยืนจะมองไปในเรื่องท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งจะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้