หอการค้าเผย การจับจ่ายช่วงลอยกระทงซบเซาสุดในรอบ 7 ปี จากปัจจัยสงครามการค้า นักทท่องเทียวจีนลดลง และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัยและ ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เผยว่า ผลสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงวันลอยกระทง โดย ม.หอการค้าไทย และหอการค้าไทย ระบุมูลค่าการจับจ่ายใช้สอยในช่วงวันลอยกระทงปี 2561 มีมูลค่า 9,699 ล้านบาท -2.3% ซึ่งเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 7 ปี ไม่รวมปี 2554 ที่ กทม.เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ และปี 2559 ปีแห่งความสูญเสียของคนไทย โดยมูลค่าการจับจ่ายช่วงวันลอยกระทงที่ติดลบในปีนี้มาจากปัจจัยสงครามการค้า การหดตัวของนักท่องเที่ยวจีนและราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
ทั้งนี้ มูลค่าการใช้จ่ายในวันลอยกระทงปี 2561 หดตัวทั้ง กทม.และปริมณฑล ที่อัตรา -2.5% ด้วยมูลค่าการใช้จ่าย 3,482 ล้านบาท และต่างจังหวัดที่ -2.3% ด้วยมูลค่าการใช้จ่าย 6,411 ล้านบาท ขณะที่เมื่อพิจารณาจากโครงสร้างหนี้สินของครัวเรือน พบว่ากลุ่มบุคคลที่สำรวจ มีหนี้สิน 79.4% โดยเป็นหนี้สินในระบบ 90.6% และเป็นหนี้สินนอกระบบ 42% แสดงให้เห็นว่าคนไทยส่วนหนึ่งมีหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เนื่องจากเศรษฐกิจระดับฐานรากยังมีปัญหา โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ระดับหนี้สินทั้งหมดของครัวเรือน เพิ่มขึ้น 37.6%
นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีทัศนคติต่อวันลอยกระทงในปีนี้ว่า ราคาอาหาร ราคากระทง ราคาดอกไม้ และราคาค่าเดินทางจะแพงขึ้นจากปีก่อน โดย 40% ของผู้ตอบแบบสอบถามจะซื้อสินค้าในช่วงวันลอยกระทงลดลงเมื่อเทียบกับปี 2560 ขณะที่อีก 51.7% จะซื้อสินค้าในปริมาณเท่าเดิม 5.6% จะซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และ 2.7% จะซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นมาก
“เชื่อว่าจีดีพีของไทยในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 มีสัญญาณชะลอตัวลง ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการกระตุ้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ โดยควรกระตุ้นในภาคส่วนท่องเที่ยวและการเกษตร เนื่องจากประชาชาชนชาวไทยอยู่ใน 2 ภาคส่วนนี้มากที่สุด” นายธนวรรธน์ กล่าว