ออมสินเผยเศรษฐกิจฐานรากเริ่มฟื้น รายได้เกษตรกรดีขึ้น แม้ราคาจะลดลง พร้อมชี้อุปสรรคใช้แอพพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผอ.ธนาคารออมสิน เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจฐานราก ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. 2561 ว่า เศรษฐกิจไทยภาพรวมมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งด้านการส่งออกสินค้า การบริโภคภาคเอกชนในทุกหมวดการใช้จ่าย การผลิตภาคอุตสาหกรรมการลงทุน ภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7.37% ดัชนีรายได้เกษตรกรเพิ่มอยู่ที่ 6.38% ส่วนดัชนีราคาสินค้าเกษตรลดลง 0.93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้ เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น แม้ว่าระดับราคาสินค้าเกษตรจะปรับตัวลดลง แต่ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่มากกว่าการลดลงของสินค้าเกษตร ด้านอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.8% ทั้งการจ้างงานภาคการเกษตรและนอกภาคเกษตร ส่วนผู้ที่ว่างงานส่วนใหญ่มาจากภาคการบริการและการค้า รองลงมาคือภาคการผลิตและภาคเกษตร
ขณะที่ ปัจจัยลบ ได้แก่ ราคาสินค้าทางการเกษตรหลายตัวยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำเช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน สับปะรดและสุกร ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและรายจ่ายของผู้มีรายได้น้อยให้สูงขึ้น และปัญหาภัยธรรมชาติกระทบพื้นที่เพาะปลูกในหลายจังหวัด ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง
สำหรับ มาตรการรัฐบาลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการปีที่ 2 โดยโอนเงินเข้ากองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเพิ่มอีก 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอใช้เป็นสวัสดิการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการได้ตลอดทั้งปีงบประมาณ 2562
นอกจากนี้ ร้านค้ารายย่อยระบุถึงอุปสรรคในการใช้แอพพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐ เนื่องจากมีความยุ่งยากเพราะต้องสมัครและดาวน์โหลดแอพ รวมถึงการขอรหัสบัตร 6 หลัก เพื่อใช้ทำธุรกรรมยังมีข้อจำกัด เพราะประชากรในพื้นที่ห่างไกลไม่สามารถหาสาขาหรือตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยได้
สำหรับ ความคืบหน้าเรื่องการแก้หนี้นอกระบบ โดยการปล่อยสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินผ่านธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. โดยจัดสรรวงเงินกู้ธนาคารละ 5,000 ล้านบาท ว่า ณ เดือน ส.ค.2561 ออมสินปล่อยกู้ไปแล้ว 4.02 หมื่นราย เป็นวงเงิน 1,739 ล้านบาท ส่วน ธ.ก.ส. ปล่อยกู้ไปแล้ว 3.87 หมื่นราย เป็นเงิน 1,872 ล้านบาท