.
เปิดเทอมใหม่ 1 ก.ค.63 นี้ ครู นักเรียน และผู้ปกครอง จะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 แม้ปัจจุบันสถานการณ์จะดีขึ้นมาก แต่ก็ประมาทไม่ได้ครับ ออกนอกบ้าน หรืออยู่ที่โรงเรียนก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทั้งช่วงเวลาเรียนและช่วงพัก รวมถึงล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ให้เป็นนิสัย
สำหรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนในสังกัดกทม. ทั้ง 437 โรงเรียนนั้น กทม.ยังคงเน้นให้ครูเป็นผู้สอนและดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับชั้นเด็กเล็ก เช่น อนุบาล ถึงประถมศึกษาปีที่ 3 หรือโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนไม่เกิน 400 คน ให้มาโรงเรียนตามปกติทุกวัน ห้องเรียนละ 20 คน และเรียนตามตารางเรียนในชั่วโมง
ส่วนชั้นเรียนเด็กโต เช่น ประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือโรงเรียขนาดกลางและขนาดใหญ่ ซึ่งมีนักเรียนมากกว่า 400 คนขึ้นไป จะเป็นลักษณะการเรียนแบบผสมผสาน โดยให้โรงเรียนพิจารณาความเหมาะสม ทั้งการเรียนในชั้นเรียนแบบปกติและสลับวันเรียน หรือการสลับวันมาเรียนทั้งหมด ซึ่งวันที่นักเรียนไม่ได้มาเรียน ก็จะมีการเรียนการสอนออนไลน์ หรือมอบแบบฝึกหัดและการบ้าน ใบงาน หรือกิจกรรมต่างๆ ให้ทำระหว่างอยู่ที่บ้าน หรือการสอนชดเชยกลุ่มเล็กที่โรงเรียนในกรณีจำเป็น เพื่อลดความแออัดภายในโรงเรียน และครูจะได้เฝ้าระวังโรคในกลุ่มนักเรียนได้อย่างทั่วถึงมากขึ้นครับ
นอกจากนี้ กทม.ยังได้เตรียมพร้อมมาตรการป้องกันอื่นๆ เช่น มาตรการด้านความสะอาดภายในโรงเรียน โดยให้โรงเรียนประสานสำนักงานเขตพื้นที่ ทำความสะอาดบริเวณโรงเรียน ห้องเรียน ห้องน้ำ ห้องพยาบาล และโรงอาหาร มาตรการด้านความปลอดภัยในการโดยสารรถโรงเรียน ต้องมีการทำความสะอาดเบาะที่นั่งก่อนรับและส่งนักเรียนทุกครั้ง รวมถึงการจัดพื้นที่สำหรับผู้ปกครองที่มารับ-ส่งนักเรียนด้วยตัวเองที่โรงเรียน การตั้งจุดคัดกรองนักเรียนด้วยการวัดอุณหภูมิก่อนเข้าโรงเรียน การเว้นระยะห่างกิจกรรมหน้าเสาธง การจัดที่นั่งรับประทานอาหารในห้องเรียนและโรงอาหาร และการติดตั้งจุดล้างมือในบริเวณโรงเรียนอย่างเพียงพอ เป็นต้น
เพราะความปลอดภัยของนักเรียนเป็นสิ่งสำคัญ เปิดเทอมนี้ ทั้งนักเรียน ผู้ปกครอง และครู อาจจะยังต้องปรับตัวในเรื่องของการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ แต่ผมมั่นใจว่าทุกคนทำได้ แล้วเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันครับ