.
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานว่าจ.ลำปางอุณหภูมิสูงสุดถึง 44.2 องศาเซลเซียส และอีกหลายจังหวัดในประเทศไทย มีอุณหภูมิพุ่งสูงเกิน 40 องศาเซลเซียสแล้ว น่าเป็นห่วงมากครับ โดยกรมอุตุนิยมวิทยายังคาดการณ์ด้วยว่า ตลอดช่วงเดือนเมษายน ถึงพฤษภาคมนี้ บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดอย่างต่อเนื่อง และอาจเกิดพายุฤดูร้อน ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอีกด้วย ขณะที่กรุงเทพมหานครก็ร้อนไม่แพ้กันครับ อุณหภูมิแตะที่ 39-41 องศาเซลเซียสทีเดียว
ถึงอากาศจะร้อน แต่เราต้องไม่ใจร้อนตามไปด้วยนะครับ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่อากาศร้อน และระมัดระวังอันตรายจากการทำกิจกรรมในพื้นที่กลางแจ้งตอนกลางวันเป็นระยะเวลานานๆ เพื่อป้องกันโรคฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด ซึ่งเป็นโรคในหน้าร้อนที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ครับ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง ต้องดูแลสุขภาพให้มากขึ้นครับ
พร้อมทั้งสังเกตร่างกายของตัวเองและคนรอบข้าง หากมีอาการปวดมึนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ตัวร้อน กระหายน้ำ มีเหงื่อออกมากจนไม่มีเหงื่อ หัวใจเต้นแรง เป็นตะคริว เดินเซ ต้องรีบเข้าที่ร่มก่อนนะครับ นอนราบยกเท้า เช็ดตัวและข้อพับด้วยน้ำเย็น แต่หากถึงขั้นเป็นลมหมดสติ ควรรีบนำส่งแพทย์ทันทีครับ
สำหรับประชาชนที่จะเดินทางมาเฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด ในการเสด็จเลียบพระนครในขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขอให้ท่านเตรียมอุปกรณ์ป้องกันแดด น้ำดื่ม ยาดม และยารักษาโรคประจำตัวมาด้วยครับ
อย่างไรก็ตาม กทม.และหน่วยงานด้านสาธารณสุข ได้ร่วมกันเตรียมความพร้อมหน่วยบริการทางการแพทย์ หน่วยกู้ชีพ และแผนการเคลื่อนย้ายส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน เพื่อดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชนที่จะเดินทางไปร่วมงานพระราชพิธีครั้งสำคัญนี้ โดยแบ่งออกเป็น 6 โซน ครอบคลุมเส้นทางขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค จากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
นอกจากการเฝ้าระวังสุขภาพจากความร้อนแล้ว ด้านอาหารการกินก็สำคัญมากครับ ล้างมือให้สะอาด รับประทานอาหารปรุงสุก ใหม่ สะอาด เพื่อป้องกันโรคท้องร่วง อาหารเป็นพิษ และโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินอาหาร เพื่อสุขอนามัยที่ดี ซึ่งในงานพระราชพีธีบรมราชาภิเษก กทม.จะจัดทีมสุขาภิบาลอาหารลงพื้นที่ตรวจสุขลักษณะการประกอบอาหารในช่วงเวลาดังกล่าวด้วยเช่นกันครับ