นครบาลระดมตำรวจ 80 นาย ตรวจค้น 12 จุดต้องสงสัยหาหลักฐานมัดตัวแก๊งโจ๋อุกอาจกราดยิงกรางกรุง
เมื่อวันที่ 10 ต.ค. พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผกก.สน.พญาไท และกำลังตำรวจกว่า 80 นาย เข้าระดมตรวจค้นจุดต้องสงสัยหลังเหตุกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธสงครามยิงใส่กันจนทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 4 ราย ที่บริเวณลานจอดรถด้านหลังห้างสรรพสินค้าวอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน ซ.ราชปรารภ 2 แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยตำรวจได้มีการออกหมายจับ 11 ราย สามารถจับกุมตัวได้ 5 ราย อายัดตัวอีก 1 ราย และยังหลบหนีอีก 5 ราย
พล.ต.ต.เสนิต กล่าวว่า วันนี้ได้มีการระดมตรวจค้นจำนวน 12 จุด 12 หมายค้น แบ่งเป็นชุดสืบสวนของ สน.พญาไท 5 จุด และชุดสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล 7 จุด อาทิ ย่านประตูน้ำ รามคำแหง เตาปูน และฝั่งธนฯ รวมไปถึง จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านต้องสงสัยทั้งหมด โดยการตรวจค้นครั้งนี้ขอให้ทำงานด้วยความไม่ประมาท มุ่งเน้นการตรวจค้นตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี พร้อมทั้งของกลาง ไปจนถึงเสื้อผ้าที่กลุ่มผู้ต้องหาใส่ในวันเกิดเหตุด้วย อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะทำการอายัดตัว นายพรเทพ พุ่มพวง อายุ 23 ปี จาก รพ.จุฬาลงกรณ์มายัง รพ.ตำรวจ
ต่อมา พล.ต.ต.เสนิต ได้ตรวจค้นจุดที่น่าสนใจ บริเวณห้องเลขที่ 705 ชั้น 7 ธรรมโรจน์แมนชั่น ซ.ราชปรารภ 2 เขตราชเทวี ซึ่งเป็นห้องของ นายขวัญ ทองดี หรือโจ้ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาที่ยังคงหลบหนีอยู่ โดยทาง นางอำภา ธรรมโรจน์พินิจ หรือเจ้หมวยประตูน้ำ น้องสาวของ “เฮียปอประตูน้ำ” เจ้าของแมนชั่นได้ให้ความร่วมมือในการตรวจค้นครั้งนี้ ภายในห้องพบน.ส.สาวิตรี สงวนทรัพย์ ภรรยาของนายขวัญ พร้อมลูกอีก 2 คน จากการตรวจค้นห้องพักยังไม่พบเสื้อผ้าและอุปกรณ์ของกลางในวันก่อเหตุแต่อย่างใด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังทำการตรวจค้นรถยนต์ ยี่ห้อมาสด้า 2 ทะเบียน ญอ 3824 กทม. พบเมมโมรี่การ์ด และกล้องติดหน้ารถยนต์
น.ส.สาวิตรี อ้างว่า ตนพักอาศัยอยู่ที่ห้องดังกล่าวมาเป็นเวลา 4 ปี โดยมีอาชีพรับจ้างเก็บค่าเช่าที่ให้เจ้หมวย ส่วนนายขวัญจะเป็นคนเดินซื้อของ ซึ่งปกติสามีไม่ได้มีพฤติกรรมก้าวร้าวแต่อย่างใด ซึ่งไม่คิดว่าสามีจะเป็นคนก่อเหตุดังกล่าว ภายหลังก่อเหตุนายขวัญไม่ได้กลับมายังห้องพักอีกเลย และขอยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ ทั้งนั้น
ขณะที่ พ.ต.อ.นครินทร์ กล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นห้องพักไม่พบตัวนายขวัญ เสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ และสิ่งของผิดกฎหมายแต่จากการตรวจรถยนต์พบเมมโมรีการ์ด และกล้องหน้ารถจึงได้ทำการตรวจยึดไว้ สำหรับกระสุนปืนที่ใช้ก่อเหตุตรวจพบว่าเป็นกระสุนขนาด 7.62 นอกจากจะใช้อาวุธปืนอาก้าแล้วยังสามารถใช้กับอาวุธไรเฟิลที่ใช้ล่าสัตว์ และอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ที่สามารถปรับขนาดลำกล้องให้สามารถใส่กระสุนได้
พ.ต.อ.นครินทร์ กล่าวต่อว่า จากคำให้การของผู้ต้องหาที่ได้เข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา สามารถตรวจยึดอาวุธปืนขนาด .38 ได้ 2 กระบอก ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ โดยทางตำรวจจะมีการปรับแผนสายตรวจเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบพื้นที่ทั้งตำรวจนครบาล และตำรวจท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับเพิ่มอีก 10 ราย