รอง ผบ.ตร.รุดตรวจที่เกิดเหตุแก๊งโจ๊กราดยิงอริกลางกรุง นักท่องเที่ยวโดนลูกหลงดับ 1 เจ็บอื้อ
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. นำกำลังชุดสืบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุ กลุ่มคนร้าย 2 ฝ่ายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่กัน จนมีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ 4 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดใกล้ถนนไนท์มาร์เก็ตย่านประตูน้ำ ถ.ราชปรารภ เมื่อค่ำวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในจุดเกิดเหตุทั้งหมด 4 จุด
ทั้งนี้ ตำรวจเข้าตรวจสอบในจุดแรกคือเต็นท์ร้านขายน้ำชา พบคราบกองเลือดของชายชาวอินเดียที่บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นได้เดินไปตรวจสอบที่โต๊ะสนุกเกอร์ที่เป็นจุดเกิดเหตุแรก ที่มีเรื่องเขม่นกันของทั้งสองกลุ่ม ต่อมาเดินทางมาตรวจสอบตู้อะลูมิเนียมหน้าร้านอาหารที่มีร่องรอยกระสุนปืน ภายในพบหัวกระสุนปืนขนาด 9 มม. จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้เข้าตรวจสอบในจุดเกิดเหตุสุดท้ายเป็นเส้นทางการก่อเหตุและหลบหนี คือตรอกทางเดินที่ไปทะลุ ซ.ร่วมใจ พบปลอกและเศษหัวกระสุนขนาด 7.62 มม. และ 9 มม. ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบรอยเลือด ซึ่งคาดว่าเป็นของกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบพื้นที่ยืนยันว่าเป็นการทะเลาะวิวาทกันของทั้ง 2 ฝ่าย โดยใช้อาวุธปืนซึ่งหนึ่งในนั้นมีอาวุธสงครามรวมอยู่ด้วย และคดีนี้ถือเป็นเหตุสะเทือนขวัญ จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด ทั้งนี้ ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้เร่งสืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีจำนวนผู้ก่อเหตุกี่คน และมีความขัดแย้งในประเด็นใดบ้าง ซึ่งข้อมูลจากพยานแวดล้อมและพยานวัตถุต่างๆ รวมถึงกล้องวงจรปิด 1 ตัวที่พบก็คาดว่าจะสรุปได้ในเร็วๆ นี้
ด้านนายวันชัย เตชะจงจินตนา พยานในที่เกิดเหตุ ซึ่งเปิดร้านอาหารอยู่ในพื้นที่ กล่าวว่า บริเวณนี้มักจะมีกลุ่มวัยรุ่นชาวต่างด้าวชอบก่อเหตุทะเลาะวิวาทอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยมีการใช้อาวุธ เป็นเพียงการวิ่งไล่ชกต่อยกันเท่านั้นจนถือเป็นเรื่องปกติของที่นี่ แต่ในคืนวันเกิดเหตุ ตนนั่งอยู่หลังร้านและได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด มองไปร้านฝั่งตรงข้ามเห็นชาวต่างชาติล้มลงจมกองเลือดจึงรีบก้มตัวหลบและไม่เห็นว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ ขณะที่หลังเกิดเหตุตนได้ตรวจสอบความเสียหายในร้าน พบรอยกระสุนทะลุเก้าอี้ได้รับความเสียหาย แต่โชคดีที่ไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
รายงานจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานระบุว่า ขณะนี้พบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุอย่างน้อย 3 ชนิด ประกอบด้วย ปลอกกระสุนขนาด 7.62 มม. ที่คาดว่าใช้กับปืนอาก้า หรือเอเค 47 รวมถึงปลอกกระสุนขนาด .38 สเปเชียล และปลอกกระสุนขนาด 9 มม. สันนิษฐานว่าการก่อเหตุครั้งนี้มีมือปืนไม่ต่ำกว่า 3 คน ซึ่งหลังจากนี้จะนำปลอกกระสุนไปตรวจสอบ และรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับมือปืนที่ลงมือก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป