สำนักการแพทย์และสำนักอนามัยกทม.รายงานการระบาดของโควิดมีแนวโน้มลดลงในระดับที่ควบคุมได้วันนี้พบติดเชื้อใหม่ 1,160 ราย เสียชีวิต 5 ราย จับตามีการรวมกลุ่มสังสรรค์มากขึ้น กำชับสถานประกอบการงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. เป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 18/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Teleconference) โดยมี คณะผู้บริหารกทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.(เสาชิงช้า)
ทั้งนี้ ในที่ประชุมสำนักการแพทย์และสำนักอนามัย กทม. ได้รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่กทม.พบว่าการระบาดของโรคมีแนวโน้มลดลงในระดับที่ควบคุมได้ โดยวันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 1,160 ราย เสียชีวิต จำนวน 5 ราย ในส่วนของผู้มีอาการหนักและผู้เสียชีวิต มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว นอกจากนี้ ยังพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในแคมป์ก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง
ผู้ว่าฯกทม.ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและติดตามการดำเนินกิจกรรม/กิจการ ของสถานประกอบการในพื้นที่ โดยใช้แนวทางมาตรการและการกำกับ ตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 43) ลงวันที่ 29 ก.ย. 64 เน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention, DMHTT และ COVID Free setting โดยเฉพาะสถานประกอบการและสถานบริการ ต้องไม่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในส่วนของแคมป์คนงานให้มีการกำกับติดตามมาตรการในด้านต่าง ๆ ดูแลเรื่องการหมุนเวียนแรงงาน ในกลุ่มแรงงานใหม่ควรตรวจสอบข้อมูลการรับวัคซีน และกำหนดมาตรการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวด รวมทั้งเฝ้าระวังเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงและสถานที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สถานประกอบการ ตลาด โรงเรียน กิจกรรมประเพณี เช่น งานศพ งานบุญ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังปรับมาตรการกิจการ/กิจกรรม รวมทั้งการขยายระยะเวลาในการออกนอกเคหสถาน พบว่า ประชาชนเริ่มผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล มีการรวมกลุ่มสังสรรค์มากขึ้น ถึงแม้ว่าการระบาดของโรคมีแนวโน้มลดลง แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ กทม.จึงขอความร่วมมือประชาชน ให้ถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด หรือวิธีการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) จนเป็นปกติวิสัย โดยให้คิดเสมอว่าตนเองหรือคนที่อยู่รอบตัวอาจมีเชื้อโควิด-19 แฝงอยู่ สิ่งสำคัญคือการใส่หน้ากากอนามัยทั้งในและนอกบ้าน ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่าง หากครอบครัวใดมีกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ เด็ก หรือสตรีมีครรภ์ จำเป็นต้องมีการป้องกันอย่างเคร่งครัด รวมทั้งต้องเฝ้าระวังและหมั่นสังเกตอาการตนเอง หากพบว่ามีอาการทางเดินหายใจ หรือสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยง เช่น สัมผัสผู้ติดเชื้อ ควรเข้ารับการตรวจด้วย Antigen Test Kit (ATK) หรือไปรับการตรวจรักษาที่สถานพยาบาลโดยเร็วที่สุด