ผู้ว่าฯกทม.สั่งทุกสำนักงานเขตสำรวจผู้ป่วยโควิดตกค้างในชุมชนเข้าสู่ระบบการรักษาให้เร็วที่สุด พร้อมยกระดับการดูแลผู้รักษาตัวที่บ้านติดตามอาการผ่านแอปฯจัดทีมส่งยาถึงบ้าน
เมื่อวันที่ 20 ก.ค.พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยภายหลังการประชุมการบูรณาการการบริหารจัดการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด ที่แยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation)ว่า การระบาดของโควิดทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละวันมีผู้ป่วยที่รอเตียงหรือผู้ป่วยตกค้างในชุมชนจำนวนมาก เพื่อเป็นการดูแลผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการนำส่งเข้าสู่ระบบการรักษา กทม.จึงจัดระบบบริการผู้ป่วยที่สามารถดูแลแยกกักรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation : HI) โดยเน้นการดูแลรักษาสำหรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย โดยมีบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้ดูแลติดตามผู้ป่วยจะได้รับการประเมินอาการทุกวันๆ ละ 2 ครั้ง อาหาร 3 มื้อ พร้อมทั้งได้รับปรอทวัดไข้แบบดิจิตอล เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว และพิจารณาให้ฟ้าทะลายโจร หรือ ยาฟาวิพิราเวียร์ ตามดุลพินิจของแพทย์ หากอาการแย่ลงจะมีการประสานส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาล
สำหรับ ผู้ป่วยที่สามารถดูแลแยกกักรักษาตัวที่บ้านต้องเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการอายุไม่เกิน 60 ปี ผู้ป่วยและคนที่พักอาศัยด้วยกันต้องไม่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง ระยะ3,4,5 โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ และโรคอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ ต้องมีที่พักอาศัยมีพื้นที่ที่เหมาะแก่การกักตัว โดยได้มอบหมายสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต สำรวจและเร่งดำเนินการดูแลผู้ป่วยที่รอเตียง หรือผู้ป่วยตกค้างในชุมชนให้เข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็วที่สุด
นอกจากนั้น กทม.ได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนาแอปพลิเคชัน BKK HI Care ระบบบริหารจัดการผู้ป่วย Home Isolation เพื่อจัดทำทะเบียนข้อมูลรายบุคคล สามารถติดตามและดูแลผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้านได้อย่างใกล้ชิด โดยผู้ป่วยสามารถรายงานอาการและรับคำแนะนำการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์และพยาบาล ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ BKK HI care ซึ่งสามารถติดตามอาการและดูแลผู้ป่วยโควิดได้อย่างใกล้ชิด โดยระบบ BKK HI care ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายและมีเครื่องมือที่ช่วยบริหารจัดการผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถลงทะเบียนผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน โดย 1 เครื่อง สามารถลงทะเบียนใช้งานได้มากกว่า 1 คน ส่วนผู้ป่วยที่ไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนสามารถโทรแจ้งรายงานอาการกับบุคลากรทางการแพทย์ได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบคาดว่าจะสามารถใช้แอปพลิเคชันดังกล่าวได้ในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ กทม.ได้ร่วมมือกับกองทัพบก กองบัญชาการตำรวจนครบาล และเครือข่าย จิตอาสา ในการร่วมดูแลผู้ป่วยที่กักตัวที่บ้าน โดยจะช่วยเหลือนำยาและอุปกรณ์การรักษาเบื้องต้นไปส่งมอบให้แก่ผู้ป่วยที่พักอาศัย รวมทั้งจัดรถสำหรับรับส่งผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาหรือส่งผู้ป่วยที่หายแล้วกลับบ้านอีกด้วย