ศบค.กทม.ประชุมติดตามสถานการณ์ระบาดเชื้อโควิด-19 พบหลายคลัสเตอร์แนวโน้มดีขึ้นคุมการระบาดได้ ย้ำให้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัดให้ละหมาดที่บ้านแทนไปมัสยิด
เมื่อวันที่ 11 พ.ค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) ครั้งที่ 31/2564 โดยมี พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.กทม. เป็นประธานการประชุม คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว ผู้ช่วยเลขานุการศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ผู้แทนสำนัก ผู้แทน บช.น. ผู้แทน กอ.รมน.กทม. ผู้แทนกลุ่มเขต และผู้แทนส่วนราชการในสังกัดกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปัจจุบันมีหลายกลุ่มก้อน (cluster) อาทิ ชุมชนแออัดในเขตคลองเตย ตลาดห้วยขวาง แฟลตดินแดง เขตดินแดง ปากคลองตลาด เขตพระนคร สี่แยกมหานาค เขตดุสิต สำเพ็ง เขตสัมพันธวงศ์ บริษัทขายตรงตึกเอมไพร์ เขตสาทร ชุมชนวัดโสมนัส เขตป้อมปราบฯ ชุมชนบ่อนไก่ เขตปทุมวัน ชุมชนบ้านขิง/The mall บางแค เขตบางแค เป็นต้น แต่มีหลาย cluster ที่มีแนวโน้มที่จะสามารถควบคุมการระบาดได้ ได้แก่ บริษัทขายตรงตึกเอมไพร์ เขตสาทร ชุมชนวัดโสมนัส เขตป้อมปราบฯ ชุมชนบ่อนไก่ เขตปทุมวัน ชุมชนบ้านขิง/The mall บางแค เขตบางแค
สำหรับ cluster อื่น กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยเฉพาะชุมชนแออัดในเขตคลองเตย ที่ประชุมได้ให้สำนักอนามัยประสานสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และกองทัพ เพื่อเร่งตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก (Swab) ในตลาดคลองเตย ซึ่งมีประชาชนพักอาศัยหรือประกอบอาชีพ ประมาณ 6,000-7,000 คน ทั้งนี้เพื่อแยกผู้ติดเชื้อนำเข้าสู่ระบบรักษาพยาบาล และให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แก่ผู้ที่ผล Swab ไม่พบเชื้อ ส่วนการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกซึ่งหมุนเวียนไปตามชุมชนต่างในพื้นที่คลองเตย และการฉีดวัคซีนในพื้นที่เขตคลองเตย 3 จุดเดิม ได้แก่ โรงเรียนวัดคลองเตย โลตัสพระราม 4 และโกดังการท่าเรือ ยังคงดำเนินการเช่นเดิม เพื่อเร่งค้นหาและแยกผู้ติดเชื้อ รวมทั้งเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ที่ประชุมย้ำว่า การให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นอกโรงพยาบาล ตามที่กรุงเทพมหานคร ได้ประสานสภาหอการค้าไทยจัดจุดบริการฉีดวัคซีน จำนวน 14 จุดนั้น ภายในสัปดาห์นี้จะทดสอบระบบการให้บริการฉีดวัคซีน จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ วันที่ 12 พ.ค. 64 บริเวณชั้น 3 sky Hall ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เขตจตุจักร วันที่ 13 พ.ค. 64 บริเวณสามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน และวันที่ 14 พ.ค. 64 บริเวณชั้น 4 MCC HALL เดอะมอลล์ บางกะปิ โดยผู้ที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มเป้าหมายที่กรุงเทพมหานคร โดยสำนักอนามัยพิจารณาว่าเป็นกลุ่มอาชีพเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ได้แก่ พนักงานขับรถโดยสารประจำทาง พนักงานขับแท็กซี่ ผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้าง (วินมอเตอร์ไซค์) พนักงานขับเรือ และครู เป็นต้น ทั้งนี้สำนักอนามัยได้ประสานหน่วยงานต้นสังกัดของกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัด สำหรับประชาชนทั่วไปจะให้บริการฉีดวัคซีนในโอกาสต่อไปเมื่อกรุงเทพมหานครได้รับมีวัคซีนจำนวนมากพอ ปัจจุบันกรุงเทพมหานคร ได้ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ในพื้นที่กรุงเทพฯ แล้วทั้งสิ้น 335,450 โด๊ส โดยเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 170,286 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว จำนวน 82,582 ราย
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กําลังแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในปัจจุบัน ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และในหลายจังหวัดทั่วประเทศ สำหรับในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรี และเชียงใหม่ ขอให้งดการละหมาดอีฏิลฟิตร์ ที่มัสยิด และให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดแจ้งมัสยิดได้ประกาศแจ้งสัปปุรุษในชุมชน ให้ละหมาดที่บ้านภายในครอบครัว โดยใช้มาตรการเดียวกับการละหมาดที่มัสยิด รวมทั้งให้งดการจัดเลี้ยงอาหารและหลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม เช่น การเยี่ยมญาติ และการเยี่ยมกุโบร์ (สุสาน)