ผู้ว่าฯกทม.สั่งขยายเตียง รพ.สนาม-Hospitel เพิ่มรองรับผู้ป่วยโควิด เตรนียมเปิดรพ.สนามแห่งที่ 5 ศูนย์กีฬาบางบอน เขตทุ่งครุ รองรับได้อีก 400 เตียงจากเดิมมี 1,700 เตียง
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีอย่างต่อเนื่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยวันนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ตามประกาศของศบค. 539 ราย โดยเป็นผู้ป่วยในกรุงเทพฯ 499 ราย อีก 40 รายมีที่อยู่ต่างจังหวัดและรักษาในกทม. ตั้งแต่เกิดการระบาดระลอกใหม่วันที่ 1 เม.ย. - 2 พ.ค. 64 กทม.มีผู้ป่วยสะสม 13,283 ราย และมีแผนการดำเนินการตรวจคัดกรองโควิด-19 ในพื้นที่ กทม.จุดที่มีเชื่อมโยงผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายตรวจเพิ่มให้ได้อย่างน้อย 7,200 คน ระหว่างวันทีี่ 3-7 พ.ค.นี้
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ขณะนี้มีจำนวนผู้ป่วยโควิดอยู่ในระบบการรักษาของ กทม. รวมจำนวน 1,291 ราย โดยเป็นผู้ป่วยมีอาการรักษาอยู่ใน รพ.สังกัดสำนักการแพทย์ กทม. 8 แห่ง รวม 214 เตียง ส่วนผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรืออาการเล็กน้อยพักอยู่โรงพยาบาลสนามขาองกทม. ทั้ง 4 แห่งรวมครองเตียง 966 เตียง คงเหลือ 734 เตียง ผู้ป่วยพักดูอาการใน Hospitel 5 แห่ง รวมครองเตียง 173 เตียง คงเหลือ 411 เตียง โดยผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบโดย รพ.สังกัด กทม. และการตรวจในพื้นที่โดยสำนักอนามัย กทม.และ สปคม.ทั้งหมดได้รับประสานให้เข้ารับการรักษาโดยไม่มีตกค้าง นอกจากนี้ศูนย์เอราวัณ กทม.ยังพร้อมสนับสนุนส่งต่อผู้ป่วยให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนอกสังกัดด้วย และรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการมาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนามให้เร็วที่สุด โดยผู้ที่ยังไม่มีเตียงสามารถโทร.ประสานศูนย์เอราวัณ 1669 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังมีการตรวจพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องมีเตียงเตรียมไว้รองรับผู้ป่วยติดเชื้ออย่างเพียงพอ กทม.จึงได้ขยายโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมเพื่อเป็นหอผู้ป่วยเฉพาะกิจรองรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย หรือพักดูอาการรักษาหลังการรักษาในโรงพยาบาลหลักแล้วอาการดีขึ้น ขณะนี้กำลังเตรียมการเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 5 ณ ศูนย์กีฬาบางบอน เขตทุ่งครุ ซึ่งจะสามารถรองรับได้อีก 400 เตียง จากเดิมมี 1,700 เตียง พร้อมทั้งประสานผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมในการเปิดเป็น Hospitel เพิ่มเติมจากปัจจุบันมีอยู่ 5 แห่ง รองรับได้ 584 เตียง โดยผู้ประกอบการโรงแรมที่มีความพร้อมสามารถประสานกับสำนักการแพทย์ กทม. หรือสำนักงานเขตพื้นที่