BKK NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

11 กุมภาพันธ์ 2562 : 16:37 น.

กลุ่มอาชีวะเหิมบุกยิง ตร.ขณะจับกุมผู้ต้องหายาเสพติดจนเกิดการปะทะ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย

เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 11 ก.พ. พ.ต.ท.สุธีร์ ตันสกุล สว.(สอบสวน) สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุคนร้ายถูกยิงเสียชีวิต บริเวณ ซ.ร่มเกล้า 6 แขวงและเขตมีนบุรี จึงรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพ นายเอกชัย บุญรัตน อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะช่างยนต์ สถาบันเทคโนแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. รวม 4 แห่ง นอนจมกองเลือดเสียชีวิต บริเวณหัวเข็มขัดพบซองปืนเหน็บเอวอยู่ ในกระเป๋ากางเกงยังพบกระสุนปืน .38 อีก 6 นัด ข้างศพพบปืนขนาด .38 ถูกยิงจนหมดลูกโม่ตกอยู่ 1 กระบอก ใกล้กันพบรถ จยย. สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ของผู้ตายล้มคว่ำอยู่ และยังพบรถ จยย. สีดำ ทะเบียน 1 กค 1218 กทม. ล้มคว่ำเช่นเดียวกัน ตามพื้นถนนพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกกระจายทั่วบริเวณ นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บเป็นชายไม่ทราบชื่ออีก 1 ราย ถูกยิงด้วยปืนเข้าบริเวณหน้าขาขวา 2 แห่งได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่ง รพ.นพรัตน์ ไปก่อนหน้านี้

บริเวณที่เกิดเหตุมีเพื่อนร่วมสถาบันของผู้ตายตะโกนด่าว่าพร้อมท้าทายต่อยตีกับตำรวจนอกเครื่องแบบนายหนึ่งอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเพื่อนผู้ตายเชื่อว่าตำรวจนายนี้คือคนลั่นไกฆ่าผู้ตาย ก่อนที่กลุ่มนักเรียนกว่า 50 คน จะวิ่งเข้าไปทำร้ายร่างกายตำรวจนายดังกล่าวจนเกิดเหตุชุลมุน จนตำรวจนายดังกล่าวได้คว้าปืนขนาด 9 มม. ยิงขึ้นฟ้า 2 นัดก่อนจะยิงเข้าใส่กลุ่มนักเรียน 4 นัด ก่อนที่จะมีรถเจ้าหน้าที่มารับตำรวจนายนี้หลบหายไป

พ.ต.อ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า จากการสอบสวนพยานทราบว่าก่อนเกิดเหตุตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.4 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดจำนวน 5 ราย ขณะกำลังเดินทางกลับ ถูกผู้ตายใช้ปืนยิงเข้าใส่ กระสุนถูกที่หน้าขาของตำรวจนายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะเกิดการยิงต่อสู้กัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายอาจเข้าใจผิดคิดว่าตำรวจคือกลุ่มคู่อริ

หลังจากนี้จะเรียกพยานที่เกิดเหตุพร้อมเรียกเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.4 เข้ามาสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

ด้าน พ.ต.อ.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รอง ผบก.น.3 เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ตำรวจไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ เหตุการณ์ทุกอย่างชี้แจงได้โดยมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด เรื่องที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจากตำรวจ ปส.บก.น.4 ไปจับกุมกลุ่มวัยรุ่นในคดียาเสพติด โดยในขบวนรถคันแรกเป็นรถของหัวหน้าชุด คันที่สองเป็นรถของทีมงานตำรวจ และ คันสุดท้ายเป็นรถกระบะตราโล่ซึ่งควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ที่กระบะท้าย ระหว่างที่ขับมาถึงจุดเกิดเหตุได้มีกลุ่มรถ จยย.ของผู้ตายขี่เข้ามาตีคู่ที่รถกระบะด้านหลังและถามผู้ต้องหาว่า “ใครด่าแม่กู“ จากนั้นก็ขี่รถไปปาดหน้ารถกระบะที่ควบคุมตัวผู้ต้องหา ก่อนจะใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงเข้าไปภายในรถของตำรวจด้านซ้าย หลังจากนั้นตำรวจจึงขับรถกระบะพุ่งชนเพื่อให้รถของผู้เสียชีวิตล้มและจะเข้าจับกุมตัว ผู้เสียชีวิตได้ยิงปืนตอบโต้ ตำรวจจึงตัดสินใจยิงสวนจากภายในรถ จนกระทั่งทราบภายหลังว่ามีผู้เสียชีวิต หัวหน้าชุดจับกุมที่ได้ขับรถกลับมาดูที่ท้ายขบวนและเรียกให้พนักงานสอบสวน สน. พื้นที่และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ระหว่างนั้นกลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตได้กรูเข้ามาจะทำร้ายตำรวจเนื่องจากเข้าใจว่าชายเสื้อสีแดงซึ่งเป็นหัวหน้าชุดจับกุมเป็นคนทำร้าย และในระหว่างที่ชุลมุนกันอยู่นั้น ถ้าชุดจับกลุ่มเห็นว่าจะเป็นอันตรายเพราะกลุ่มเพื่อนของผู้ตายเริ่มประชิดตัวเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีอารมณ์โกรธแค้นจึงตัดสินใจใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าสองนัดและพูดว่า “ใครเข้ามากูยิง“ แต่สถานการณ์ไม่ดีขึ้นจึงตัดสินใจใช้ปืนยิงสวนออกไปเพื่อเปิดทางหนี

ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวตำรวจสามารถชี้แจงได้ในทุกประเด็นและสามารถให้ความเป็นธรรมกับผู้ตายได้ โดยยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แต่เป็นการป้องกันตัวของเจ้าหน้าที่ที่กำลังควบคุมตัวผู้ต้องหาออกจากพื้นที่ อีกทั้งจากการตรวจสอบข้อมูลของชุดจับกุมทั้งหมด เบื้องต้นพบว่าไม่มีประวัติความขัดแย้งกับกลุ่มของผู้ตายมาก่อน ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มผู้ต้องหายาเสพติดที่อยู่ท้ายกระบะอาจพยายามหาทางหลบหนีโดยการชวนผู้ตายทะเลาะเพื่ออาศัยจังหวะหลบหนี ซึ่งประเด็นดังกล่าวอยู่ระหว่างนำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนอย่างละเอียดว่าช่วงก่อนเกิดเหตุได้มีการตะโกนด่าทอหรือชักชวนทะเลาะวิวาทหรือไม่

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ