BKK NEWS

โดย กองบรรณาธิการ M2F

20 พฤศจิกายน 2561 : 10:53 น.

กสศ.เปิดตัวทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ปฏิรูปการเรียนการสอน สร้าง“นวัตกรสายอาชีพ” ประเดิมปีแรก 2,500 ทุน ผ่านสถาบันการศึกษา เริ่มปีการศึกษา 62 นักวิชาการฟันธงได้ผลตอบแทนคุ้มค่า

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พร้อมด้วย ดร.นักสิทธิ์ คูวัฒนาชัย ที่ปรึกษากองทุนฯ และ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ผอ.ศูนย์วิชาการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกันแถลงเปิดตัว “ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง สร้างคน สร้างโอกาส สร้างงาน” ที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)

นายสุภกร กล่าวว่า ปัจจุบันนักเรียนจากครอบครัวยากจนมีโอกาสเรียนต่อสูงกว่าม.ปลายเพียงร้อยละ 5 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยครอบครัวทั่วไปที่ได้เรียนต่อระดับอุดมศึกษาถึงร้อยละ 32 กสศ.จึงมีโครงการ “ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” เพื่อช่วยเหลือเยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ที่มีศักยภาพ ให้มีโอกาสเรียนต่อสายอาชีพและมีงานทำทันทีเมื่อจบการศึกษา ผ่านความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาสายอาชีพทั้งภาครัฐและเอกชน

ทั้งนี้ เป็นโครงการลักษณะพันธมิตรกับเครือข่ายสถาบันการศึกษา มีการพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่สร้างกำลังคนสายอาชีพ ให้มีสมรรถนะและทักษะในศตวรรษที่ 21ให้ความสำคัญกับสาขา STEM (วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี) รวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัล และทักษะอาชีพการทำงานตาม10 อุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาลและความต้องการตลาดแรงงานในท้องถิ่น

“ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนนอกจากจะสร้างกำลังคนรุ่นใหม่สายอาชีพราวรุ่นละ 2,500 คน แล้วยังเป็นการสร้างโอกาสสู่การศึกษาระดับสูงแก่นักเรียนที่มีศักยภาพแต่มีอุปสรรคทางรายได้ของครอบครัว โครงการยังมุ่งปฏิรูปการเรียนการสอนของสถาบันการศึกษาสายอาชีพ ให้สามารถผลิตกำลังคนที่สร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการผลิตและภาคธุรกิจ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศตามนโยบายไทยแลนด์4.0” นายสุภกร กล่าว

ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า กระทรวงแรงงานประมาณการว่า ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก หรือ EEC สิบปีจากนี้ (2561-2570) ภาคอุตสาหกรรมต้องการแรงงานสายอาชีพเป็นอันดับสูงสุด ร้อยละ44 จำนวนราว 80,000 คน ขณะที่ต้องการวุฒิปริญญาตรีราวร้อยละ33 กสศ. มีภารกิจหลักในการสร้างเสริมโอกาสแก่เด็กและเยาวชนผู้ขาดโอกาสซึ่งมีจำนวนถึงรุ่นละ150,000 คน

สำหรับ ผลการวิเคราะห์คะแนน PISA พบว่า นักเรียนช้างเผือกของไทยมีประมาณ 3% แต่หากขจัดอุปสรรคด้านทุนการศึกษาจำนวนนักเรียนช้างเผือกจะเพิ่มขึ้นเป็น18%กสศ.จึงสนับสนุนทุนให้นักเรียนที่มีศักยภาพสูงเรียนต่อสายอาชีพ โดยในขั้นตอนแรกจะคัดเลือกสถาบันการศึกษาที่สนใจและมีแผนดำเนินงานที่ดีที่สุดก่อน จากนั้นสถาบันการศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกจะพัฒนาการเรียนการสอน เช่น ระบบทวิภาคี ระบบดูแลนักศึกษา เป็นต้น เพื่อจัดรับสมัครนักศึกษาให้ทันในปีการศึกษา2562

ด้าน  ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการและเครือข่ายวิชาการด้านเด็ก เยาวชน และครอบครัว คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงของ กสศ.จึงเป็นความก้าวหน้าสำคัญที่จะช่วยปฎิรูประบบการเรียนการสอนสายอาชีพให้ดีขึ้น  โดยเฉพาะการพัฒนาไปที่สถาบันการศึกษาให้เป็นสถาบันเฉพาะทาง มีความเชี่ยวชาญเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ และจุดเด่นอีกเรื่องของโครงการ คือ การจัดการศึกษาระบบทวิภาคีที่มีคุณภาพสูง เน้นการเรียนรู้โดยลงมือปฏิบัติงานจริง ผ่านความร่วมมือกับสถานประกอบการ ชุมชนท้องถิ่น นักศึกษาจะมีทักษะด้านปฏิบัติ เมื่อสำเร็จการศึกษาสามารถทำงานได้ทันทีและมีโอกาสจ้างงานสูง ซึ่งมีสถาบันของเอกชนกับรัฐหลายแห่งเป็นต้นแบบและเป็นตัวอย่างที่ดี ในการผลิตนักศึกษาที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานกับระบบโรงงานอุตสาหกรรม

"โครงการนี้จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเด็กอาชีวะ ที่สังคมมองว่านิยมใช้ความรุนแรง เป็นเด็กประเภท2ไม่มีแก่นสาร ให้เป็น นวัตกรสายอาชีพ เด็กกลุ่มนี้ก็จะกลายเป็นคนที่ตอบโจทย์อนาคตของประเทศ กสศ.จะเป็นตัวหนุนเสริมสำคัญในการยกระดับคุณภาพกำลังคนสายอาชีพเวลานี้ได้เป็นอย่างดียิ่ง" ดร.สมพงษ์ กล่าว 

สำหรับ“ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” จะสนับสนุนงบประมาณผ่านสถาบันการศึกษาประกอบด้วย ทุนสำหรับพัฒนาสถาบันการศึกษาที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกตามคุณภาพ (Competitive Grants) ประมาณ50แห่ง ซึ่งต้องพัฒนาหลักสูตรที่รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักของประเทศ สายอาชีพที่กำลังขาดแคลนและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงานในท้องถิ่นหรือจังหวัด รวมถึงสายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และทุนการศึกษาแก่นักศึกษาจำนวน 2,500 ทุนต่อปีที่ผ่านการคัดเลือกโดยสถาบันการศึกษา โดยเปิดกว้างให้สถาบันการศึกษาที่จัดการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรืออนุปริญญาสายอาชีพจากทุกสังกัด ทั้งนี้กำหนดรับข้อเสนอโครงการตั้งแต่ วันที่15-28 ธันวาคม 2561และสามารถติดตาม ข่าวสารที่ www.EEF.or.th หรือ สายด่วน  โทร 02-079-5475 กด2ในวันและเวลาราชการ

ข่าวเด่น

ข่าวที่น่าสนใจ