ตามติดเทรนด์ใหม่ของคนรักการท่องเที่ยว เน้นแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ท่องเที่ยวเสมือนจริง และแนวคิด “Less is more”
ทำงานเก็บเงินจนใกล้สิ้นปี ใครที่กำลังแพลนไปทริปลองมาอัพเดทเทรนด์การท่องเที่ยวประจำปี 2019 จากการค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกและรีวิวกว่า 160 ครั้งของผู้เดินทาง รวมถึงแบบสำรวจของนักเดินทางจาก 29 ประเทศ โดย Booking.com มาดูกันว่าปีหน้ามีอะไรบ้างที่รอผู้เดินทางอยู่บ้าง
1.ทริปเพื่อการเรียนรู้
ในปี 2019 จะปรากฏเทรนด์การเดินทางประเภทใหม่และวิธีการที่จะช่วยเติมเต็มความต้องการส่วนตัวของผู้เดินทาง ดังจะเห็นได้ว่าผู้เดินทางมุ่งมั่นที่จะมองหาและทำให้ทริปเดินทางมีความหมายยิ่งขึ้น กว่าครึ่ง (56%) ยอมรับว่าการเดินทางได้สอนทักษะการใช้ชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเจเนอเรชั่น Z ที่จะหันมาเปรียบเทียบคุณค่าของปริญญาราคาแพงจากมหาวิทยาลัยกับประสบการณ์ชีวิตและการเรียนรู้ที่ได้จากการเดินทางซึ่งสามารถนำมาใช้ในชีวิตจริง ยิ่งเมื่อบทบาทของประสบการณ์ที่อยู่นอกห้องเรียนและโต๊ะทำงานในออฟฟิศได้กลายมาเป็นคุณสมบัติของพนักงานที่น่าสนใจในสายตาของบริษัทหลายๆ แห่ง ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงบรรดาทริปที่มีวัตถุประสงค์ดดังกล่าวนั้นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ผู้เดินทางทั่วโลก 68% เลือกที่จะไปทริปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ตามด้วยทริปอาสาสมัคร (54%) และทริปทำงานระหว่างประเทศ (52%)
2. ความสะดวกสบายเป็นเรื่องสำคัญ
ความสะดวกสบายจะกลายเป็นมาตรฐานสำคัญที่ใช้ในการตัดสินนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการเดินทาง ทั้งกระแสด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ความเป็นจริงเสมือน (VR) และการรู้จำเสียงพูด (Speech Recognition) โดยในปีหน้านวัตกรรมที่จะประสบความสำเร็จนั้นก็คือนวัตกรรมที่สามารถให้บริการเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างราบรื่น
นอกจากนี้ ในปี 2019 เรายังจะเห็นเทคโนโลยีต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับการค้นคว้าข้อมูลในช่วงก่อนทริป ผู้เดินทางทั่วโลกเกือบ 1 ใน 3 ชื่นชอบไอเดียของบริการตัวแทนเสมือนจริงด้านการท่องเที่ยว และ 1 ใน 5 ยังอยากเห็นเทคโนโลยีอย่างโลกเสมือนผสานโลกความเป็นจริง (Augmented Reality) เพื่อทำความคุ้นเคยกับจุดหมายก่อนที่จะถึงวันเดินทาง
3.อวกาศอันเวิ้งว้าง ขอบเขตที่ไม่คุ้นเคย
นาซ่าจะเริ่มก่อสร้างสถานีอวกาศ Lunar Space Station ในปี 2019 (เริ่มใช้งานในปี 2022) เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของจุดหมายที่เราสามารถไปเยือน และยิ่งเทคโนโลยีด้านอวกาศก้าวหน้าไปมากเพียงใด การท่องเที่ยวในห้วงอวกาศก็ดูไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดอีกต่อไป โดย ผู้เดินทาง 1 ใน 10 ยืนยันว่ารู้สึกตื่นเต้นกับความเป็นไปได้ว่าจะมีการเดินทางท่องอวกาศในอนาคตและยังคิดที่จะลองสัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตนเอง และยังมองการเดินทางไปยังจุดหมายที่ใกล้เข้ามาอีกนิด อย่างการสำรวจดินแดนบนโลกที่ยังไม่มีมนุษย์ย่างกรายเข้าไป อย่าง ใต้พิภพ ใต้ทะเล โดยในปี 2019 ก็มีแนวโน้มที่จะเห็นบ้านพักและโรงแรมประเภทใหม่ๆ ที่แปลกเหนือคำบรรยายปรากฏให้เห็น
4.เจาะลึกและเฉพาะคนยิ่งขึ้น
ด้วยการพัฒนาอย่างรวดเร็วในด้านข้อมูล ทำให้คู่มือท่องเที่ยวแบบกว้างๆ และเนื้อหายาวเหยียดต้องหลีกทางให้กับคู่มือแบบกระชับ แต่สอดคล้องและเหมาะสำหรับผู้เดินทางแต่ละคนยิ่งขึ้น โดยผู้เดินทางกว่าครึ่งตื่นเต้นกับนวัตกรรมด้านการเดินทาง อย่างการทัวร์แบบดิจิทัลเพื่อสัมผัสประสบการณ์เฉพาะสำหรับพวกเขาอย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยให้เราได้รับความเพลิดเพลินมากที่สุด
5.เดินทางอย่างมีความตระหนักรู้
ถึงแม้ว่าผู้เดินทางจำนวนเพิ่มขึ้นต่างมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ และกลิ่นอายความเป็นท้องถิ่นอย่างแท้จริง แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็อยากมั่นใจว่าการเดินทางจะปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นเพศใด เชื้อชาติไหน หรือมีรสนิยมทางเพศแบบใดก็ตาม แพลตฟอร์มอย่าง Destination Pride นั้นสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่หลากหลายเพื่อจัดอันดับว่าจุดหมายที่ผู้เดินทางเลือกนั้นเป็นมิตรกับกลุ่ม LGBT+ มากน้อยเพียงใด ในขณะที่จุดหมายและองค์กรต่างๆ จะเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในการสนับสนุนกลู่มผู้หญิงที่ออกเดินทางแบบฉายเดี่ยว
6.พลาสติกไม่ใช่เรื่องเจ๋ง
ความกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมจะแปรเปลี่ยนมาเป็นการลงมือทำมากขึ้น โดยผู้เดินทางยุคมิลเลนเนียลและกลุ่มเจเนอเรชั่น Z จะมองหาประสบการณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในจุดหมายที่เดินทางไป ในขณะที่ผู้ให้บริการที่พักเองก็มองหาช่องทางที่จะลดการใช้พลาสติ ทั้งนี้ ผู้เดินทางจากทั่วโลกส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขายินดีที่จะใช้เวลาทำกิจกรรมที่จะชดเชยผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากทริปของตน โดยกว่า 1 ใน 3 เต็มใจที่จะเก็บขยะและพลาสติกจากชายหาดหรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ
7.เก็บรักษาประสบการณ์
การเดินทางเพื่อสัมผัสประสบการณ์ถือเป็นหัวใจสำคัญของเทรนด์เดินทางหลักประจำปี 2018 แต่ในปี 2019 เทรนด์นี้จะก้าวไปอีกขั้น กล่าวคือเมื่อนึกถึงการเดินทาง “สิ่งที่ทำ” จะมีความสำคัญเทียบเท่า “การไปเยือน” หรือเผลอ ๆ อาจจะสำคัญกว่าด้วยซ้ำ โดยผู้เดินทางเกือบ 2 ใน 3 ให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าสิ่งของที่ได้มาเสียอีก
8.ทริปสั้นๆ แต่เจ๋งไม่แพ้ใคร (Less is more)
ผู้เดินทางทั่วโลกกว่าครึ่งวางแผนทริปสุดสัปดาห์เพิ่มขึ้น และมีแผนการเดินทางอัดแน่นในระยะเวลาสั้นๆ สะท้อนแนวคิด Less is more หรือเรียบง่ายแต่ได้มาก เพราะผู้เดินทางต่างมองหาประสบการณ์พิเศษเฉพาะสำหรับบุคคลมากกว่า
นอกจากนี้ นวัตกรรมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องด้านการเดินทาง ทั้งเส้นทางการบินที่เพิ่มขึ้น เที่ยวบินราคาประหยัด ไปจนถึงบริการเช่ารถยนต์ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับบริการขนส่งสาธารณะแบบเรียลไทม์ ก็เป็นปัจจัยทำให้ทริประยะสั้นนั้นมีความหลากหลายและเหมาะกับตัวผู้เดินทางแต่ละคนมากยิ่งขึ้น