ผู้หญิงที่หลงรักเนื้อแบบเข้าเส้น จนต้องเรียกเธอว่า "เลดี้เนื้อ"
ผู้หญิงร่างบอบบาง ทว่าทะมัดทะแมง ณัฐ-ณัฐธิดา หนูอินทร์ คลุกคลีอยู่กับธุรกิจการค้าเนื้อวัวมาตั้งแต่เริ่มทำงานเป็นเซลส์ ในบริษัทนำเข้าสินค้ารายใหญ่แห่งหนึ่ง
"เจ้านายเคยส่งดิฉันไปเมืองนอก ไปศึกษาฟาร์มวัวแต่ละที่" เธอเล่าถึงที่มาของความชอบเนื้อวัว "สิ่งที่ดิฉันตื่นตาตื่นใจก็คือว่า ดิฉันมีโอกาสได้เห็นกระบวนการ feed ของเขา ซึ่งเขาเลี้ยงวัวดีมาก ทะนุถนอมวัวอย่างดี และไม่ใช้สารเร่ง หรือฮอร์โมนเลย อีกครั้งหนึ่งดิฉันได้ไปขลุกอยู่กับกระบวนการเลี้ยงวัวที่ออสเตรเลียประมาณเกือบ 3 เดือน ก็พบว่า อาหารที่วัวกินนั้นดีกว่ามนุษย์เรากินเสียอีก ถึงจุดนั้นดิฉันก็เริ่มเปลี่ยนมาสนใจที่จะศึกษาเรื่องวัวเป็นเรื่องเป็นราวเลย"
หลังจากไปดูฟาร์มวัวแล้ว เธอก็ย้อนกลับไปดูที่ต้นน้ำว่า อาหารที่วัวกินมีอะไรบ้าง ด้วยความที่เรียนมาทางด้านวิทยาศาสตร์อาหารมา (ปริญญาตรี วิทยาศาสตร์อาหาร ปริญญาโท บริหารธุรกิจ ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาเอก ด้านการพัฒนาองค์กรและสมรรถนะมนุษย์ มหาวิทยาลัยบูรพา) เธอจึงค่อนข้างเข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้น ไม่ช้าต่อมาเธอก็เปิดบริษัทของตนเอง เป็นธุรกิจนำเข้าวัตถุดิบประเภทเนื้อ เพื่อจัดส่งให้กับโรงแรมและร้านอาหาร 80 % เป็นสินค้าเนื้อวัวนำเข้า ที่เหลือเป็นเนื้อแกะและอื่นๆ เธอยังคงทำธุรกิจนี้มาจนถึงปัจจุบัน
กระทั่งเมื่อสองปีที่แล้วยอดสั่งซื้อเริ่มตก ทำให้สินค้าค้างสต็อกค่อนข้างเยอะ เธอจึงคิดวางแผนปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อความอยู่รอด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทำร้านอาหาร Lady Butcher ที่ขายเนื้อตั้งแต่ head to toe หรือเนื้อนำเข้าทั้งตัว เป็นการกระจายออกสินค้าที่เธอมีอยู่ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นฐานเสียงหนึ่งให้ลูกค้าโรงแรม หรือร้านอาหารของเธอหันมามองว่า ความจริงแล้วเนื้อทุกส่วนของวัวสามารถนำมาทำสเต็ก หรือเมนูอื่นๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องโฟกัสเฉพาะเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ สตริปลอยน์ หรือริบอาย ที่เคยฮิตกันเมื่อสิบกว่าปีก่อน
"ช่วงเปิดร้านแรกๆ ยอมรับเลยค่ะว่าเหนื่อยมาก เพราะความตั้งใจแรกที่คิดอยากทำคือ ดิฉันอยากปล่อยของ อยากขายของในสต็อก พอทำเข้าจริงๆ แล้วรู้สึกท้อ เพราะเหนื่อยมาก เคยมีช่วงหนึ่งที่คิดแม้กระทั่งว่าอยากจะปิดร้านเลย ไม่ทำแล้ว กลับไปทำธุรกิจเดิมดีกว่า"
เดิมที่เคยอยู่บนท็อป มองทุกอย่างได้ 360 องศา หน้าที่เธอคือแค่สั่งการ มีมือซ้ายมือขวาคอยช่วยเป็นฟันเฟือง ดูแค่ภาพรวมด้านการเงินว่ามีเงินเข้าเท่าไหร่ เงินออกเท่าไหร่ พอวันหนึ่งกระโดดลงมาอยู่ตำแหน่งข้างล่าง จึงกลายเป็นช่วงเปลี่ยนของชีวิตเธอไปอย่างสิ้นเชิง
"จากเป็นคนที่อีโก้เยอะมาก ต้องมาพบเจอและนั่งคุยกับลูกค้า รับฟังคำวิจารณ์ คำบ่นจากลูกค้า จนบางครั้งรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ ...ตอนนั้นนะคะ เพราะดิฉันรู้สึกแค่ว่า คุณมากินอาหารร้านฉัน คุณพอใจจ่ายก็จ่าย คุณไม่พอใจก็ไม่ต้องมาอีก นั่นคือช่วงแรกที่ทำร้าน ทำให้รู้สึกว่าความสัมพันธ์กับลูกค้าของดิฉันไม่มีเลย และดูเหมือนกับว่าลูกค้าก็ไม่รู้ว่าดิฉันเป็นเจ้าของร้าน ตอนนั้นดิฉันมองตัวเองแค่ว่า ฉันเป็นเจ้าของร้านน่ะ ฉันจะเดินเฉิดฉายทำโน่นนี่นั่นมันก็ร้านของฉัน แต่พอวันหนึ่งที่เปลี่ยนตัวเองมาใส่เสื้อเชฟ แล้วมาเสิร์ฟที่หน้าร้าน มันก็ได้อีกอารมณ์หนึ่ง ลูกค้าไม่รู้ว่าเราเป็นเจ้าของร้าน เขาคิดว่าเราเป็นแค่เด็กเสิร์ฟคนหนึ่ง และเขาก็จะพูดกับเราอีกแบบหนึ่ง ก็เลยทำให้รู้สึกว่า เออ...ถ้าเราอยากได้ข้อมูลจากลูกค้าจริงๆ เราก็ควรที่จะเอาหัวโขนของเราออก และควรสวมบทบาทที่มันเหมาะกับภาระหน้าที่มากกว่า หลังจากนั้นดิฉันก็เรียนรู้ และเริ่มจำลูกค้าทุกคนที่เข้ามาในร้าน จำชื่อได้ จำได้แม้กระทั่งว่าเขาชอบนั่งมุมไหนของร้าน"
"พนักงานที่ร้านเขาก็เครียดเพราะดิฉันที่อยู่กับเขาตลอด 24 ชั่วโมง เรากินนอนอยู่ที่ร้าน จนเด็กบางคนไม่ไหว ต้องขอลาออก ทนเจ้านายจู้จี้ไม่ได้ ตอนหลังดิฉันเริ่มผ่อนคลายบ้าง พยายามหาเวลาออกไปข้างนอก ไปกินข้าวร้านโน้นร้านนี้ เพื่อจะเอามาปรับปรุงพัฒนาร้านตัวเอง อีกอย่างเด็กๆ พนักงานจะได้หายใจคล่องขึ้นบ้าง มีอิสระในการทำงาน ไม่ใช่มีเจ้านายมาคอยดูเขาอยู่ตลอดเวลา ดิฉันจะบอกพนักงานทุกคนว่า จำไว้เลยนะ วันหนึ่งที่พวกเธอออกจากร้านไปแล้ว ไม่ว่าจะไปทำงานที่บริษัทอื่นที่ไหนก็ตาม เงินค่าตัวของพวกเธอจะต้องได้มากกว่าที่นี่สองเท่า หรือวันหนึ่งที่ออกไปแล้ว อยากไปเป็นที่ปรึกษาเรื่องการเปิดร้านอาหาร อาชีพของพวกเธอจะเป็นอาชีพที่แน่นอน บางคนที่ออกจากที่นี่ไปก็ไปเปิดบริษัทของตัวเอง ทำร้านอาหารของตัวเอง หรือทำอาชีพที่ปรึกษา เขาก็กลับมาขอบคุณดิฉัน ที่ก่อนหน้านี้เคยทั้งด่าตีโขกสับ แต่ทุกสิ่งนั้นเขาก็ได้รับเป็นความรู้ติดตัวไป"
นั่นคือหนึ่งปีที่ผ่านมา หลังจากณัฐธิดาปรับเปลี่ยนตัวเองและร้าน ทุกวันนี้ร้าน Lady Butcher กลับนำเทรนด์และเป็นที่เช็คอินสำหรับสายเนื้อที่อยากลิ้มรสและกำซาบกลิ่นเนื้อคุณภาพเยี่ยม
Cr. ฉัตรชัย เจริญพุฒ
"เมื่อก่อนเราอาจจะเป็นคนตาม ร้านไหนดีๆ ดังๆ เราทำตาม แต่วันนี้ ไม่แล้ว เราเป็นตัวของตัวเอง อย่างลูกค้ามากินที่ร้าน ถ้ากินไม่หมดดิฉันจะรบกวนให้เขาช่วยกินให้หมด หรือเสนอจะเอาเนื้อไปทำเมนูอื่นให้ก็ได้ ซึ่งก็เป็นอีกทางหนึ่งโดยไม่ต้องพูดตรงๆ ว่าให้เขากินให้หมด ทางร้านเราเองก็แทบไม่ทิ้งชิ้นส่วนของวัวเลยนะคะ แม้กระทั่งกระดูกของมัน เรายังนำมาแปลงเป็นที่วางมีดกับส้อม หรือที่วางไม้จิ้มฟัน เราพยายามใช้ทุกส่วนของเขาจริงๆ"
"วัวเป็นสัตว์ใหญ่ และเป็นสัตว์ที่หลายคนคิดว่ากินเนื้อมันแล้วบาป นั่นคือสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่คิด แต่ดิฉันมองว่า เนื้อวัวให้คุณค่าทางสารอาหารมากกว่าเนื้อหมู เนื้อไก่ ดิฉันเคยบอกกับคนไม่ทานเนื้อว่า ไก่หนึ่งตัวเป็นหนึ่งชีวิต หมูหนึ่งตัวเป็นหนึ่งชีวิต ปลาหนึ่งตัวเป็นหนึ่งชีวิต วัวหนึ่งตัวก็เป็นหนึ่งชีวิตเหมือนกัน แต่อย่าลืมว่า ไก่หนึ่งตัวเราทานเนื้อได้แค่สองคน เขาเลี้ยงดูเราได้แค่สองชีวิต แต่วัวหนึ่งตัว น้ำหนักประมาณหนึ่งตัน เลี้ยงดูเราได้ไม่ต่ำกว่าห้าพันถึงหนึ่งหมื่นคน เพราะฉะนั้นวัวคือเทพเจ้า"
(Lady Butcher โครงการ Perfect Park อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โทร. 0-2022-9048, 09-9646-9365 Facebook: LadyButcher.bangbuathong)