ปฏิเสธแย่งแฟนคนอื่น พร้อมเคลียร์กรณีคืนเสื้อ ไม่เข้าใจอีกฝ่ายต้องการอะไร
เรียกได้ว่างานเข้าอย่างจัง ไอซ์-ปรีชญา วัฒนามนตรี หลังจากถูกอดีตนักแสดงสาว คุกกี้ อรนลิน ออกมาแฉว่าสาวไอซ์เป็นมือที่สามฉกแฟนหนุ่มไป รวมถึงกรณีของไฮโซ กรรณ ชลัช โพสต์อินสตาแกรมประกาศขอเสื้อยี่ห้อแบรนด์ดังคืนหลังจากที่อีกฝ่ายยืมไปไม่เอามาคืน ทวงถามไปหลายครั้งก็เงียบหาย ล่าสุดไอซ์ ได้ออกมาเคลียร์ทุกกรณี
“จริงๆไม่รู้จะเริ่มยังไง แชทนั้นเป็นของไอซ์นั่นแหละค่ะ ขอท้าวความก่อนเรื่องแย่งแฟนจริงๆมันไม่ได้เป็นแบบนั้น รู้จักจริงค่ะ เค้าไดเร็คไอจีมาหา ไดเร็คมาว่าอยากจะคุยเรื่องงาน จริงๆเค้าไดเร็คมานานแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว แล้วก็ไม่ได้ตอบเลยเพราะไม่ใช่เรื่องงาน
แล้วก็ล่าสุดเลยเนี่ยที่มีการติดต่อกันเกิดขึ้น มันคือการร่วมหุ้นเกี่ยวกับบริษัท ซึ่งมันเป็นธุรกิจเราก็คุยเอง โอเคไอซ์ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไหร่ ร่วมหุ้นอะไรยังไง เค้าบอกขอเวลาหน่อยชั่วโมงนึงเดี๋ยวเค้าจะเล่าเรื่องธุรกิจนี้ให้ฟังมันเป็นยังไง จะร่วมหุ้นกับเราในลักษณะไหน ก็มีการคุยงานกันอธิบายกันว่ามันเป็นแบบนี้นะ แต่ก็มีเพื่อนไอซ์อีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยคือเป็นแค่เรื่องงานอย่างเดียวเลย รายละเอียดของการทำงานอย่างเดียวเลย ไอซ์จำไม่ได้ระยะเวลานานขนาดไหน แต่ไม่นานเลย
ข้อความในไลน์มันแค่ส่วนนึง แล้วพอคุยงานกันไปในลักษณะไหน เรารู้สึกว่าไม่ได้คุยงานนะ มันน่าจะมากกว่านั้น เราก็เข้าใจแหละ มันก็มีการคุยก็คุยกันปกติ ไอซ์ก็ไม่ได้มีใครไอซ์โสด การที่เข้ามาคุยกันเป็นเรื่องปกติ แต่ถามว่าไอซ์รู้ไหมว่าเค้ามีใครหรือเปล่า คือเราไม่ได้คุยกันถึงขั้นว่าเค้าเป็นใครอะไรยังไง มีแฟนหรือเปล่า ไอซ์ไม่ทราบตรงนั้นเลย รู้แค่ว่าเค้าเอางานมาอ้างเพื่อจีบเรา แต่คือมันแค่ส่วนนึงเท่านั้นในไลน์ที่เห็น แต่ที่เห็นจากข้อความก็คือหนูโดนหลอกอะ ไอซ์เองก็ตกใจเหมือนกันไม่รู้จักไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย
ถ้าไอซ์ได้เห็นที่เค้าส่งมาหาเราจริงก็คงต้องคุยแล้วล่ะค่ะ คือว่าไดเร็คเมสเสจมันน้อยมากที่จะอ่านเจอ คือถ้าไม่ใช่เรื่องงานไอซ์ก็ปล่อยผ่านเลย ตัวไอซ์ไม่ได้คุยกับทางผู้หญิงเลยค่ะ ก็เหมือนในข้อความเลยว่าโดนหลอก มันก็อย่างนั้นเลย เราไม่รู้จักตื้นลึกหน้าบางคนๆนี้มาก่อน เป็นมายังไง กับทางผู้ชายเค้าก็มีขอโทษเรื่องราวที่เกิดขึ้น กับทางฝ่ายชายไม่ได้คุยแล้ว เค้าไม่มีสถานะ ไม่ได้บล็อกไม่ได้มีความจำเป็นต้องคุยแต่เค้าไม่ได้มีความสำคัญอะไรที่ต้องคุย ตัดไปเลย
ไอซ์ก็คงไม่บอกว่าไอซ์รู้สึกดีหรอกนะคะ เพราะการที่คนๆนึงเจอเรื่องที่พูดอะไรไม่หมด เราไม่รู้เรื่องความจริง กลัวเค้าจะแฉไหมเค้าก็แฉแล้วนะ เรื่องข้อความอื่นมันก็ไม่น่าจะมีอะไรไปมากกว่านี้ ซึ่งกินข้าว ช็อปปิ้ง เราไม่ได้ไปคนเดียวก็มีเพื่อนเราไปด้วยเหมือนกัน
ส่วนเรื่องไฮโซกรรณ ทวงเสื้อ สาวไอซ์ชี้แจงว่า
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ไอซ์เพิ่งเห็นข่าว ก็เอ๊ะคืนเสื้ออะไรยังไง คือไอซ์ก็รู้จักเค้านะ ทำไมเค้าไม่ติดต่อไอซ์มาเองล่ะ ไม่จริงที่เค้าติดต่อไอซ์มา เลขาไอซ์ก็ไม่รู้ว่าเลขาจริงหรือเลขาปลอม มีผู้หญิงคนนึงติดต่อมาว่าเป็นเลขาของเค้า ซึ่งไอซ์ไม่รู้จริงหรือไม่จริง จะเข้ามาเอาของที่บ้าน ใครจะกล้าให้มาที่บ้าน แล้วเราติดต่อเค้าไปโดยตรงไม่ได้ แล้วถ้าสมมุติถ้าเราให้ไปแล้วไม่ใช่ขึ้นมา ที่นี้เราก็จะแย่เอง แล้วไอซ์ได้ติดต่อว่าจะคืนไปตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้มีการติดต่อกลับมาเลย
คือต้องแยกว่าขอยืมกับให้ยืมไม่เหมือนกัน คือไอซ์ไม่ได้ขอเค้ายืมนะ เค้าให้เรามาเอง ตั้งแต่แรกเลยเค้าไดเร็คไอจีมาว่าจะส่งเสื้อให้ ส่วนตัวคือรู้จักกันมาตั้งนานแล้วแหละ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว แล้วก็มาๆไปๆหายๆ ไดเร็คมาอีกว่าจะส่งเสื้อเพื่อให้พีอาร์ได้ไหมเราก็บอกได้ ส่งมาสิ ก็ขอที่อยู่ขอเบอร์ไป ซึ่งเค้ามีหมดนะแต่เค้าบอกไม่มี ซึ่งก็มีการส่งเสื้อมาจริงๆ แล้วก็หลังจากนั้นเค้าให้เรายืมเสื้อใส่สิ เค้าเองก็ไม่ได้มีกำหนดส่งอะไรให้เรา ไอซ์ไม่เข้าใจเจตนาของเค้าว่าทำไมไม่คุยกับไอซ์เอง เค้าต้องไปโพสต์แบบนั้นเค้าต้องการอะไร
จากที่เค้าบอกว่าให้เลขาเค้าโทรมา เราก็อยากรู้ว่าใช่เลขาเค้าจริงไหม เราก็ไม่ชัวร์ เราก็ต้องการติดต่อเค้า แล้ววันที่เค้าติดต่อมาคือจะนอนแล้วอะ มันไม่ใช่กาลเทศะ เราต้องคุยกันเองไหม ทำไมต้องให้อีกคนมาคุย แล้วไอซ์ไม่รู้จักด้วยคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ เราเองก็มีการไดเร็คกลับไปนะ ฝากเพื่อนเค้าว่าไปถามหน่อยว่าใช่ไหมคนที่ให้ติดต่อมา เสื้อมันนานมากแล้ว
หลังจากนี้คงจะโพสต์ว่าจะให้คืนที่ไหน เพราะเราไม่รู้เหมือนกันเพราะเราติดต่อเค้าไม่ได้ เราไม่ได้ปฏิเสธว่าเราไม่อยากจะคืนนะ คือเรากลัวว่าเราคืนไปแล้วไม่ถึงเค้าหรือเปล่า เราไม่เข้าใจว่าเค้าพูดแบบนั้นทำไม คือไม่จำเป็นเลยว่าต้องคืนวิธีไหนบอกมาได้หมด แต่ว่าเราต้องคุยกันสิ เรารู้จักกันไม่ใช่ไม่รู้จักกัน ไม่มีอะไรจะพูดกับเค้าอะข้ามไปเลยละกัน
นี่แหละเป็นสิ่งที่แปลกที่สุดที่เคยเจอมา ไอซ์ก็คิดซะว่าถือเป็นบทเรียนละกัน มันก็เป็นจังหวะชีวิตนึงมีทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีเข้ามาในชีวิต เราไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องเอามาเป็นเรื่องใหญ่ ก็ไม่เป็นไรปล่อยให้มันผ่านไป เราไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเค้าเลย การที่ออกมาแบบนี้มันเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้”